ไปต่อไม่ไหว หนุ่ม นศ.วิศวะ ม.ดัง หยุดเรียน 2 ปี หลังคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้โอนเงินค่าเทอม
จากกรณี นางวิลาวัณย์ อายุ 66 ปี พร้อมบุตรชาย คือ นายนรภัท หรือ กัน อายุ 22 ปี นักศึกษาคณะวิศวะปี 3 มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนวิภาวดี กรุงเทพฯ นำหลักฐานเอกสารต่างๆ รวมทั้งสมุดบัญชีเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี หลัง นายนรภัท ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้มุกเดิม อุบายเดิม หลอกให้โอนเงิน จำนวน 11,000 บาท โดยอ้างว่านายนรภัท มีการทำธุรกรรมการเงินพัวพันกับแก๊งสีเทา ให้โอนเงินไปให้ตรวจสอบ มิเช่นนั้น จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ผู้เสียหายเองรู้สึกกลัวจึงได้ทำตามที่แก๊งมิจฉาชีพบอกและสูญเงินไปดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น วันที่ 25 มิถุนายน 67 นางวิลาวัณย์ พร้อมด้วยน้องกัน ลูกชายได้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ใช้เวลากว่า 30 นาที ก่อนที่น้องกันจะออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ตอนนี้ตนตัดสินใจ แจ้งเรื่องให้กับทางมหาวิทยาลัยทราบแล้วว่าจะขอดรอปการเรียนเป็นเวลา 2 ปี เนื่องจากสภาพจิตใจย่ำแย่ หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเอาเงินไป แม้จะไม่มาก สำหรับคนอื่น แต่สำหรับตนเองเป็นเงินที่มากเลยทีเดียว คุณพ่อให้เงินตนใช้วันละ 100 บาท ตนสู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบจนมีเงินจำนวนดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินไปจนเกลี้ยงบัญชี
ตอนนี้ตนคงไม่มีสมาธิในการเรียนแน่นอน จึงตัดสินใจพักการเรียนไว้ก่อน และอยากจะหางานทำ หากเจ้าของบริษัทห้างร้าน แห่งไหนจะเมตตาสงสารตน รับตนเข้าทำงานก็ให้แจ้งผ่านมาที่แม่ตนได้เลย โดยระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสังเกตว่าน้องกันมีสีหน้าที่เศร้าสร้อย น้ำเสียงสั่นเครือ ก็พยายามพูดปลอบใจไม่ให้คิดมาก ให้ประสบการณ์ครั้งนี้ เป็นกำลังใจในการสู้ชีวิตต่อในวันข้างหน้าจะดีกว่า ซึ่งน้องกันเองก็รู้สึกหายเครียดและยิ้มออกบ้าง
ทางด้าน นางวิลาวัณย์ ผู้เป็นแม่ เผยว่า ตนมีลูกชายเพียงคนเดียว ปัจจุบันตนก็ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะอายุมากแล้ว มีเพียงคุณพ่อของน้องกันที่มีอาชีพขับรถให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ก่อนเราก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไรมากมาย แต่ต้องมาประสบปัญหาฐานะไม่ค่อยสู้ดีในระยะหลัง เนื่องจากครอบครัวมีเพียงแค่สามีที่หาเลี้ยง ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางตนและสามีได้ไปค้ำประกัน ให้กับคนรู้จักในวงเงิน 700,000 บาท สุดท้าย เขาก็ไม่ยอมใช้หนี้ เราในฐานะผู้ค้ำจึงถูกยื่นฟ้องโนติสและยึดบ้านทาวน์เฮาส์ที่อาศัยกันอยู่ 3 คน ไปขายทอดตลาด
จนทุกวันนี้ต้องเช่าบ้านเขาอยู่ ทำให้ลำบากมากกว่าแต่ก่อน ส่วนเรื่องที่ลูกชายมาขออนุญาตดรอปการเรียน 2 ปี ตนก็เข้าใจและสงสาร ไม่อยากจะบังคับเขา เพราะเห็นเขาเครียด และคิดมากที่มาเจอเรื่องนี้ ก็ได้แต่พูดปลอบใจและให้กำลังใจเขาตลอด ก็อยากฝากถึงผู้ใจดีทุกท่าน ถ้าหากสงสารลูกชายตน ต้องการให้ลูกชายไปทำงาน เพื่อเก็บเงินหาเลี้ยงครอบครัวและใช้ในการเรียนวันข้างหน้า ก็สามารถติดต่อ มาที่เบอร์โทรศัพท์ของตนเองได้หมายเลข 092-8498815 ก็จะเป็นพระคุณที่ช่วยเหลือลูกชายและครอบครัวในครั้งนี้ด้วย