xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของเต็นท์รถฟ้อง อดีตอสส.-ดีเอสไอ ยกเลิกถอนอายัดรถหรู โอนขายไม่ได้ เสียหาย 49 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



เจ้าของเต็นท์รถ ส่งทนายฟ้อง อดีตอสส.อดีตอธิบดีดีเอสไอ กับพวกรวม 9 ราย ยกเลิกคำสั่งถอนอายัดรถหรูลัมบอร์กินี ทำให้โอนขายรถไม่ได้ เรียกค่าเสียหาย 49 ล้าน

วันนี้ (20 มิ.ย.) ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายกฤษ วงศ์ข้าหลวง ทนายความผู้รับมอบอำนาจนายอัคคณิต ธรรมวัฒน์วิมล ผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์ได้เดินทางมายื่นฟ้อง กรมศุลกากร กับพวก รวม 9 คน
ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 49,071,659 บาท จากกรณีที่ซื้อรถหรูลัมโบร์กินี่มาอย่างถูกต้องตามขั้นตอนเเต่ภายหลังรถกลับโดนอัยการสูงสุดในขณะนั้นมีคำสั่งอายัดไว้ทำให้เกิดความเสียหาย

นายกฤษ กล่าวว่า บริษัทจูบิลี่ไลน์ จำกัด นำซื้อรถเข้ามาตั้งเเต่ปี2554 เเละลูกความของตนซึ่งเป็นโจทก์ในคดีนี้ได้ตกลงซื้อรถจากเคานต์เจรัล ซึ่งเป็นผู้ครองครองต่อในปี2564 เนื่องจากได้รับการยืนยันว่ารถคันดังกล่าว มีคำสั่งในดีแล้ว และรถยนต์ของกลางดังกล่าว ไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาจากการกระทำความผิด

โดยโจทก์มีการผ่อนชำระกับไฟเเนนซ์ ในราคาประมาณ 20 ล้านบาท จนกระทั่งเดือน ก.ค.2566 ได้มีผู้ติดต่อขอซื้อรถคันดังกล่าวในราคา 26 ล้านบาท ต่อมาได้มีการติดต่อโอนรถ ที่กรมขนส่งทางบกในวันที่ 17 ส.ค.2566 กลับพบว่ารถไม่สามารถโอนเปลี่ยนเจ้าของได้เนื่องจากถูกอายัดในคดีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เมื่อปี2560 เลขคดี 198/2560

ภาพประกอบ
ต่อมาคดีก็ดำเนินเรื่อยมาลูกความก็ติดต่อเพื่อขอนำรถออกมาเเละเเสดงเอกสารต่างๆที่ใช้ซื้อขายก็ไม่มามารถนำรถออกมาจากการอายัดได้ จนทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถโอนรถให้กับผู้ซื้อได้จนตัดสินใจ ให้ตนยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย ดังกล่าว จำนวน 49 ล้านบาทโดยความเสียหาย 49 ล้านบาทมาจากดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนไฟเเนนซ์ ค่าเสียโอกาส เเละค่าเสียหายทางอื่นๆ เนื่องจากคดีนี้เน้นฟ้องหน่วยงานของรัฐที่ทำให้ประชาชนเสียหาย เพราะรถถูกนำมาขายในท้องตลาดโดยผ่านการคำนวนภาษีจากกรมศุลกากรเเล้วประชาชนก็ซื้อกันเป็นทอดๆรถคันนี้ทราบว่ามีการถอนอายัดโดยดีเอสไอจากคำสั่งของทางพนักงานอัยการเราเลยซื้อ ต่อมาพอจะมีการโอนขายก็ทราบว่ามีการอายัดซ้ำ เราก็เลยถามไปที่ดีเอสไอก็ทราบว่าทางอัยการสูงสุดเป็นคนสั่งอายัดซ้ำ รวมทั้งหมดมีจำเลย 9 รายให้ร่วมชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 49 ล้าน

ในส่วนคำขออื่นๆเล่นเรื่องการถอนอายัดเราก็ต้องเเยกไปเป็นคำร้องอื่น เพราะรถหรูพวกนี้ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาโดยอัยการฟ้องผู้นำเข้า ในส่วนคดีแาญาเราต้องไปยื่นขอรับขอคืนของกลางโดยศาลนัดพิจารณาครั้งแรก วันที่ 26 ส.ค.2567 เวลา 09.00 น.

ผู้เสียหายในคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นประชาชนทั่วไปที่ต้องการที่จะได้รถไว้ ซึ่งเป็นความฝันของคนที่อยากจะได้ซูเปอร์คารทุกคนก็ไม่ได้หลบเลี่ยงเป็นผู้นำเข้าราคาก็เป็นราคาซื้อขายตามท้องตลาดไม่มีใครรู้ว่าเป็นรถที่มาจากกระทำความผิด ตอนนี้ผู้เสียหายอีกหลายรายที่มอบอำนาจให้ตนตอนนี้ 30 กว่าคนก็เป็นจำนวนเงิน หลายร้อยล้านบาท โดยผู้เสียหายที่อยู่ในไลน์กลุ่มของตนก็ราวๆ120 คนความเสียหายมูลค่าน่าจะนับพันล้านบาท

ตนอยากฝากถึง นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์อัยการสูงสุดคนปัจจุบัน ว่าในเมื่อเป็นคำสั่งของ น.ส.นารี ซึ่งเป็นคนเก่าก็อยากขอให้ อัยการสูงสุดคนปัจจุบันช่วย เำราะเราเป็นผู้บริสุทธิ์เสียค่าตอบเเทนเป็นบุคคลภายนอกไม่มีส่วนกระทำความผิด ที่ผ่านมาเข้าไปคุยหลายหน่วยงาน ทุกฝ่ายพูดเหมือนกันส่าเห็นใจพวกเราอยากจะช่วยเเต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร ตอนนี้อยู่ที่อัยการสูงสุดท่านปัจจุบันว่าจะถอนอายัดหรือไม่ เมื่อเดือนที่ผ่านมาก็ขอเข้าพบอัยการสูงสุดเเต่ไม่ได้พบเนื่องจากได้รับเเจ้งว่าท่านป่วย โดยหนังสือเรายื่นขอความเป็นธรรมไปยัง น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อดีตอัยการสูงสุดท่านก็ไม่สนใจ เนื่องจากมองว่าเมื่อเป็นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต้องมีข้อมูลใหม่จึงจะรับเรื่องก็เเสดงว่าท่านไม่สนใจ ซึ่งในวันนี้เราก็ยื่นฟ้องน.ส.นารีไปด้วย

สำหรับผู้ถูกฟ้องในวันนี้ ทั้ง 9 รายประกอบด้วย กรมศุลการ ,กรมสอบสวนคดี(ดีเอสไอ)พิเศษ ,พนักงานสอบสวนดีเอสไอ 3 คน เเละ อดีตอธิบดีดีเอสไอ 1 ราย , สำนักงานอัยการสูงสุด ,พนักงานอัยการ 1 ราย เเละ อดีตอัยการสูงสุด 1 ราย

ภาพประกอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีรถหรูสำนวนดังกล่าวคณะทำงานและอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องเห็นควรไม่ขอริบรถของกลาง โดยให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 85 แต่เมื่อมีกรณีสั่งไม่ฟ้องส่งไปยังดีเอสไอ ซึ่งดีเอสไอมีความเห็นแย้งจึงส่งสำนวนและความเห็นไปยัง น.ส.นารี อัยการสูงสุดในขณะนั้น เเต่ น.ส.นารี อัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้องและกลับความเห็นในเรื่องของการให้ริบของกลางจึงมีการให้ยึดของกลางเพื่อขอให้ศาลสั่งริบต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น