รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567 นำเสนอรายงานพิเศษ "อาจม” ถมกองทัพ เหม็นโฉ่ทหารสิ้นคิด กินค่าดูดส้วมลูกน้อง
กรณีข่าวฉาวของทหารทั้งกองพัน แถมยังเป็นข่าวฉาวชนิดเหม็นโฉ่ด้วยกลิ่นอาจมเมื่อมีเอกสารว่อนโลกโซเชียลระบุว่า
กองพันส่งกำลังและบริการที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 กองทัพภาค 2 จังหวัดนครราชสีมา หักเงินเดือนทหารคนละ 500 บาท เป็นค่าดูดส้วม
ดังนั้นหากใช้หัวแม่โป้งตรองเพื่อคำนวณตัวเลขพลทหารหนึ่งกองพัน จำนวน 500 คน เสียค่าดูดส้วมคนละ 500 บาท “กองพันอาจม” กองพันนี้จะมีเงินเข้าส่วนกลางของกองพันหรืออาจเข้ากระเป๋าส่วนตัวของผู้พันเดือนละ 250,000 บาท หรือปีละ 3,000,000 บาท ชื่นสะดือไปเลย
หลังเรื่องดังกล่าวถูกลากออกมาประจานไม่ต่างอะไรกับมีมนุษย์ออกมายืนแก้ผ้ากลางสี่แยกให้ผู้คนได้เห็น กองทัพภาคที่ 2 ซึ่งเป็นต้นสังกัด ก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ โดยพลโทอดุลย์ บุญธรรมเจริญ แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงในเบื้องต้นพร้อมกับขอความเป็นธรรมว่า
เรื่องที่เผยแพร่ออกไป มีทั้งที่เป็นความจริงและคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ของกองพันส่งกำลังและบริการที่ 22 ได้เสนอรายการหักค่าใช้จ่ายของทหารเกณฑ์ จำนวน 500 บาท เป็นค่าดูดส้วมจริง แต่ผู้ที่กลั่นกรองและลงนามในการจะอนุมัติขั้นสุดท้ายก็คือผู้บังคับกองพัน
ดังนั้นสิ่งที่เป็นความจริงก็คือ มีการเสนอหักค่าดูดส้วม 500 บาทจริง แต่ข่าวที่ว่า ผู้บังคับกองพันอนุมัติให้หักค่าใช้จ่ายตามนั้นเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นความจริง ทางกองทัพภาคที่ 2 จึงขอความเป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนในส่วนนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้คนไม่ค่อยจะเชื่อคำชี้แจงนั้นสักเท่าไหร่ และเห็นตรงกันว่า การเก็บค่าดูดส้วมแค่คิดก็ผิดแล้ว แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ลงนามสั่งย้ายพันเอกอัชวิน อัคพิน ผู้บังคับกองพันส่งกำลังและบริการที่ 22 ให้มาช่วยราชการที่กองทัพภาคที่ 2 พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนในฐานะผู้บังคับหน่วยที่จะต้องรับผิดชอบโดยตรง
ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า เหตุที่เรื่องนี้ถูกแฉเนื่องมาจากทหารใหม่ส่วนหนึ่งที่ถูกส่งมาฝึกมิได้เป็นทหารใหม่ของกองพันส่งกำลังและบริการที่ 22 โดยตรง หากแต่เป็นทหารใหม่จากกองพันทหารเสนารักษ์ จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 35 คน ซึ่งถูกส่งมาสมทบเพื่อทำการฝึกร่วมกับทหารใหม่ในบังคับบัญชาของพันเอกอัชวิน ซึ่งโลกโซเชียลพร้อมใจกันลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ฉายาเหม็นๆไปเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าเพราะเรื่องที่โด่งดังงามไส้เหม็นโฉ่ไปด้วยกลิ่นอาจมของน้องนุชสุดท้องในกองทัพขนาดนี้ ย่อมเดือดร้อนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ไล่ตั้งแต่รัฐมนตรีกลาโหมไปจนถึงนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างดาหน้ากันออกมาประสานเสียงว่า รับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น
เริ่มจากนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมที่ออกมาพูดเป็นคนแรกว่า ได้ตรวจสอบแล้ว เอกสารดังกล่าวเป็นของจริง มีการเสนอขอตัดเงินเดือนทหารเป็นค่าดูดส้วมจริง แต่ในทางปฏิบัติได้ถูกยกเลิกไปแล้ว ส่วนเรื่องค่า WiFi ซึ่งมีการตัดเงินทหารและถูกแฉโพยมาพร้อมกับค่าดูดส้วม นายจิรายุ ระบุว่า เป็นเอกสารเก่าในยุคที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาประกาศชัดว่า ได้ให้นโยบายไปแล้วตั้งแต่แรกว่า จะต้องไม่มีการหักเงินเดือนพลทหารในรายการที่ไม่ใช่ส่วนที่เป็นของทางราชการ เพราะตนเองต้องการให้เกิดแรงจูงใจที่ให้ลูกหลานของประชาชนเข้ามาเป็นทหารด้วยความสมัครใจ โดยมีค่าตอบแทนอย่างคุ้มค่า
ตบท้ายด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์เช่นกัน โดยมีคำพูดสำคัญว่า รับไม่ได้กับการหักค่าดูดส้วมจากเงินเดือนพลทหาร
อย่างไรก็ตาม กองทัพไม่เคยยอมรับก็คือ
วิถีของพลทหารยังมีรายจ่ายแฝงที่ซ่อนอยู่ โดยที่ระดับนโยบายไม่รู้หรืออาจแกล้งทำเป็นไม่รู้ เช่น บางหน่วยมีการหักเงินค่าเต็นท์สนาม ซึ่งจะจ่ายให้เป็นสมบัติประจำตัวของทหาร สามารถนำติดตัวไปได้เมื่อปลดประจำการ หรือแม้กระทั่งเป้น้ำดื่มที่สะพายหลังมีหลอดดูดแบบทหารของกองทัพสมัยใหม่ ซึ่งใช้แทนกระติกน้ำทหารแบบโบราณ ก็มีการหักเงินเดือนจากทหารใหม่เพื่อนำไปจัดซื้อเช่นกัน และมอบให้เป็นสมบัติส่วนตัวของทหารเมื่อปลดประจำการ เป็นต้น
คำถามก็คือ กองทัพไทยซึ่งมีงบประมาณในการจัดหาเครื่องบิน รถถัง เรือดำน้ำ เหตุใดจึงไม่มีงบประมาณในการจัดซื้อเต็นท์สนามให้แก่ทหารในหน่วยที่เต็นท์สนามชำรุดเสียหายฝนตกน้ำรั่ว หรือเหตุใดจึงไม่มีงบจัดซื้อเป้น้ำดื่มแทนกระติกน้ำ จนหน่วยปฏิบัติระดับกองร้อยหรือกองพันต้องเอาตัวรอดด้วยการตัดเงินเดือนจากทหารมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว
หรือแม้กระทั่งค่าชุดพรางหรือค่าสกรีนป้ายชื่อบนเสื้อยืดทหารให้รู้ว่าใครเป็นใคร เหตุใดจึงไม่มีงบประมาณในการจัดทำสิ่งเหล่านี้จนต้องมาเบียดบังเงินเดือนของทหารที่เสียสละเข้ามารับใช้ชาติ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เชื่อว่ากองทัพย่อมรู้อยู่แก่ใจ ขึ้นอยู่กับว่าพร้อมที่จะเปิดพรม เพื่อให้เห็นขยะที่ซุกอยู่ข้างใต้หรือไม่
นี่ยังไม่รวมรายได้จากบัญชีทหารผีซึ่งชื่ออยู่กับหน่วย แต่ปล่อยกลับบ้านแล้วเบิกเบี้ยเลี้ยงเงินเดือนแลกกับอิสรภาพที่ไม่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรมกอง
วิถีของพลทหารแห่งกองทัพไทยจึงเป็นวิถีที่นำมาซึ่งคำกล่าวอันน่าเจ็บปวดสำหรับผู้ที่เป็นทหารอาชีพ และรับราชการอย่างซื่อสัตย์สุจริตว่า ไม่มีธุรกิจใดที่ไม่มีวันขาดทุนเท่ากับธุรกิจความมั่นคง ภายใต้การดำเนินการของทหาร
--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android