MGR Online - "ดีเอสไอ" จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ กรรมการบริษัทฯ นำเข้ารถหรู 30 คัน ฐานเลี่ยงภาษี-กฎหมายอาญา ทำรัฐเสียหายกว่า 95 ล้านบาท ขยายผลผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (10 มิ.ย.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดี (ดีเอสไอ) มอบหมาย ชุดปฏิบัติการที่ 4 ของศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ภายใต้การอำนวยการของ นายวิทวัส สุคันธรส ผู้อำนวยการศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ร่วมกันจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) กรรมการบริษัท เอ็น วาย จี ออโต้ อิมพอร์ต จำกัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1208/2567 ลงวันที่ 22 มีนาคม 2567 คดีพิเศษที่ 59/2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักร โดยหลีกเลี่ยงการเสียอากรโดยเจตนา จะฉ้ออากรที่ต้องเสียสำหรับของนั้นๆ ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ 2560 และประมวลกฎหมายอาญา” โดยจับกุมบริเวณลานจอดรถด้านหน้าศาลจังหวัดสมุทรสาคร ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ทั้งนี้ ในการจับกุมเจ้าพนักงานชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญาและตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ให้ผู้ต้องหาได้รับทราบแล้ว
คดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 59/2565 ของสำนักงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ซึ่งมี พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและว่าด้วยการเล่นแชร์ เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ โดยบริษัท เอ็น วาย จีออโต้ อิมพอร์ท จำกัด เป็นบริษัทนำเข้ารถยนต์โดยในช่วงปี พ.ศ.2555 - 2556 ได้ร่วมกันนำสินค้ารถยนต์นั่งใหม่สำเร็จรูปเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 30 คัน โดยเสียภาษีอากรน้อยกว่าหรือต่ำกว่าความเป็นจริง อันเป็นเหตุให้รัฐสูญเสียประโยชน์ และได้ความเสียหายจากการจัดเก็บภาษีอากรที่ไม่ครบถ้วนหรือขาดหายไปจำนวน 95,850,741 บาท พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการตามกฎหมายและจะทำการสอบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินการในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีพิเศษ เป็นไปตามข้อสั่งการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่กำหนดให้ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ซึ่งเป็นหน่วยงานขึ้นตรงการ บังคับบัญชา จัดชุดปฏิบัติการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยเฉพาะหมายจับที่ใกล้ขาดในอายุความ เพื่อนำตัวผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดที่ยังหลบหนี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
