“ฮาย อาภาพร” พาเหยื่อนับสิบรายเข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ ดำเนินคดีกับแก๊งหลอกงทุนอ้างผลกำไรดี เสียหาย 70 ล้านบาท
วันนี้ (31 พ.ค.) ที่ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (บก.สอท.1) ฮาย อาภาพร นครสวรรค์ นักร้องลูกทุ่งชื่อดังพาผู้เสียหายหลายรายเข้าร้องทุกข์กับ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 หลังถูกมิจฉาชีพหลอกในหลายรูปแบบรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 70 ล้านบาท
ฮาย อาภาพร เปิดเผยว่า หลังจากที่เคยอัดคลิปวิดีโอเล่าประสบการณ์ที่น้องสาวถูกมิจฉาชีพหลอก ผ่านโซเชียลของตนก็มีผู้เสียหายจำนวนมากติดต่อมาว่าโดนหลอกกันในลักษณะไหน และรูปแบบใดบ้าง จึงพาผู้เสียหายจำนวนกว่า 10 ราย รวมถึงน้องสาวตนมาร้องทุกข์ต่อตำรวจ บช.สอท. โดยน้องสาวซื้อของผ่านแอพพลิเคชั่นหนึ่ง ซึ่งผู้ก่อเหตุจะเลือกผู้เสียหายที่เป็นลูกค้าแอพดังกล่าว เมื่อสั่งซื้อสินค้าแล้วมิจฉาชีพได้เบอร์น้องสาวจากแอพ และใช้เบอร์มิจฉาชีพโทรมา จากนั้นชักชวนให้ร่วมกิจกรรมพิเศษกับร้านโดยอ้างว่าคะแนนของน้องสาวในการช้อปปิ้งนั้นสูงจึงมีสิทธิพิเศษและนำรางวัลมาล่อ เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ หลังจากนั้นจะมีการเชิญชวนให้หารายได้พิเศษ ซึ่งช่วงแรกได้เงินจริง ภายหลังมีการให้เสียค่าสมัคร อัพเลเวลเพื่อจะได้เงินตอบแทนเพิ่มขึ้นครั้งแรกโอนไป 50,000 บาท ทางมิจฉาชีพโอนกลับให้ 70,000 บาท หลังจากนั้นโอนเพิ่มอีก 5 ครั้งรวมมูลค่าความเสียหาย 1,450,000 บาท การโอนครั้งสุดท้ายมิจฉาชีพอ้างว่าไม่สามารถถอนเงินออกได้ ต้องโอนเพิ่มอีกกว่า 1 ล้านบาท เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนจึงจะถอนเงินออกได้ น้องสาวจึงเกิดความสงสัยและเริ่มแน่ใจแล้วว่าถูกมิจฉาชีพหลอก
ฮาย อาภาพร กล่าวว่า นอกจากนี้ตนลองเล่นกิจกรรมดังกล่าวเพราะจะนำข้อมูลมาให้ตำรวจ โดยคาดว่าจะไม่เสียเงินเพราะน้องสาวใช้เวลาสามวันกว่าที่มิจฉาชีพจะหลอกซึ่งตนโอนไปในครั้งแรก 5,000 บาทได้รับเงินตอบแทนจริงมา 7,000 บาท แต่เมื่อโอนอีกครั้งวันเดียวกัน 10,000 บาท กลับไม่ได้รับเงินตอบแทนจึงเสียเงินจำนวนดังกล่าวไป จึงอยากฝากถึงทุกคนที่ใช้โซเชียลว่า โซเชียลนั้นเป็นความสะดวกสบายแต่ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อยากให้ทุกคนที่กำลังตกอยู่ในขบวนการรีบถอนตัวออกมาให้ไวและแจ้งความ เราไม่รู้ว่ามิจฉาชีพจะมาในรูปแบบใด ฉะนั้นควรใช้ชีวิตแบบมีสติ
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ กล่าวว่า ในส่วนนี้จะให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเคสไอดี เนื่องจากมีหลายเคสทั้งที่เกิดขึ้นที่ กทม.และ ตจว. มีการหลอกหลายรูปแบบซึ่งแยกเป็นแต่ละประเภทคดีและแต่ละท้องที่ ทางตำรวจไซเบอร์จะรวบรวมข้อมูลตรวจสอบทั้งหมดและประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งจะเข้าข่ายความผิดในข้อหาฉ้อโกงและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (1) ขณะนี้มีศูนย์ AOC 1441 ที่โทรแจ้งเหตุภัยออนไลน์ได้ทุกที่ในประเทศไทย เพื่อระงับบัญชีและยังมีเว็บไซต์ thaipoliceonline ที่สามารถแจ้งความออนไลน์ได้ โดยเน้นย้ำว่าทางตำรวจไซเบอร์ไม่รับแจ้งความผ่านทางเฟซบุ๊กหรือไลน์ แจ้งได้แค่สองช่องทางดังกล่าวเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อมีการยึดทรัพย์ของมิจฉาชีพได้แล้วนั้น ทางตำรวจไซเบอร์จะทำการประสานงานไปที่ ปปง. เพื่อทำการเฉลี่ยทรัพย์คืนแก่ผู้เสียหายอีกด้วย