MGR Online - รมว.ยธ. เผย ประสานทางการอินโดนีเซีย ขอรับตัว “แป้ง นาโหนด” ดำเนินคดีในไทย พิจารณาคุมขังเรือนจำความมั่นคงสูง ลุ้นอินโดฯ เอาผิดข้อหาพาสปอร์ตปลอมก่อนหรือไม่
วันนี้ (30 พ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีตำรวจอินโดนีเซีย จับกุม นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ได้ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า เบื้องต้นได้ประสานกับทางการประเทศอินโดนีเซีย เพื่อขอรับตัวนายเชาวลิต ตามขั้นตอนกฎหมายของประเทศอินโดนีเซีย โดยมอบหมายให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการ ตามหมายจับที่เป็นหมายแดง (Interpol) หากเป็นไปได้ในวันพรุ่งนี้ (31 พ.ค.) ถ้ารับตัวกลับมาได้ก็จะรับตัวกลับมาประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีต่อไป แต่เขายังมีการหลบหนีเข้าประเทศอินโดนีเซีย โดยใช้พาสปอร์ตปลอมระหว่างประเทศ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า สำหรับการสืบสวนสอบสวนคดี “แป้ง นาโหนด” หลังจากนี้ พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) จะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นหากนำตัวนายเชาวลิตกลับมาได้จะนำตัวกลับเข้าเรือนจำก่อน เพราะอยู่ในอำนาจควบคุมของกรมราชทัณฑ์ จากนั้นจะพิจารณาควบคุมตัวไว้ที่เรือนจำความมั่นคงอย่างไรหรือแยกขังเดี่ยวหรือไม่ ขอให้เป็นดุลพินิจของ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ส่วนจะมีการพิจารณาแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น คือ ข้อหาหลบหนีไปจากการคุมขังและอื่นๆ”
ด้าน นายสหการณ์ เพ็ชร์นรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงขั้นตอนการรับตัว นายเชาวลิต หลังถูกจับกุมที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังต้องประสานก่อนว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดอะไรบ้าง ในประเทศอินโดนีเซีย และทางประเทศต้นทางจะดำเนินการแจ้งข้อหาหรือดำเนินคดีอย่างไร สำหรับขั้นตอนการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนจะเป็นไปตามกระบวนการปกติ แต่เมื่อกลับมายังประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องสอบสวนตามกระบวนการ และแจ้งข้อหาเพิ่มในกรณีหลบหนีที่คุมขัง
“โดยโทษในกรณีนี้จะต้องรวมกับโทษเดิมที่ถูกตัดสินมาตั้งแต่ต้น กรมราชทัณฑ์เป็นกระบวนการขั้นปลายทาง ต้องรอให้ขั้นตอนการสอบสวน ขั้นตอนพิจารณาคดีเสร็จสิ้น จึงจะเข้าสู่ขั้นตอนของกรมราชทัณฑ์ แต่ในเบื้องต้นการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะดูแลร่วมกับตำรวจ” นายสหการณ์ กล่าว