ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม “ก๊อน ตะเคียน” สาวบัญชีม้า แก๊งหลอกโอนเงินทำภารกิจสร้างกำไร ออกอุบายให้เหยื่อถ่ายคลิปเปลือยกายแลกกับการถอนเงินออก
วันนี้ (29 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนางสาวอาริสา หรือก๊อน ตะเคียน อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา ต.ตะเคียน อ.เมืองพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.457/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณปากซอยห้องเช่าไม่ทราบชื่อ ริมถนนพิทักษ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์
สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้เสียหาย ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการหลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หญิงผู้เสียหายถูกขบวนการเหล่านี้แอบอ้างแพลตฟอร์มดังหลอกให้โอนเงินทำภารกิจหวังจะได้กำไรสูง แต่เมื่อโอนเงินไปกลับถอนไม่ได้ จากนั้นมิจฉาชีพออกอุบายให้ถ่ายคลิปเปลือยกาย แลกกับการถอนเงินที่ถูกหลอกให้โอนไปกว่า 2,800,000 ล้านบาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 จนเมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ จำนวน 5 ราย
จากนั้นจึงสั่งการให้ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ซึ่งได้รับมอบหมายรีบทำการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการที่ถูกออกหมายจับแล้วดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในชั้นจับกุม นางสาวอาริสา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การตนเรียนจบขั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เดิมทีทำงานเป็นพนักงานปั้มน้ำมัน ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เลี้ยงลูกอยู่บ้านโดยมีสามีเป็นคนทำงานเพียงคนเดียว เกี่ยวกับหมายจับที่ตนถูกจับกุม น่าจะเกิดจาก เมื่อช่วงประมาณต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ได้มีรุ่นพี่ที่รู้จักกันชื่อ นายสอง ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง เดินทางมาหาตนที่ห้องพักเพื่อมาเยี่ยมตนซึ่งเพิ่งคลอดบุตร และนายสองได้มีการสอบถามตนว่ามีบัญชีธนาคารที่ไม่ได้ใช้ หรือไม่ พอดีช่วงนั้นตนมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี จำไม่ได้ ชื่อบัญชี นางสาวอาริสา ชื่นหิรัญ ที่ตนเปิดไว้เพื่อจะออมเงินเก็บไว้ให้บุตรแต่ไม่คอยมีเงินออม จึงได้ให้สมุดบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นางสาวอาริสา ดังกล่าวแก่นายสองไปใช้ พร้อมกับบัตรเอทีเอ็ม ตลอดจนนายสองได้ทำการดาวโหลอดสมัครใช้งานแอป SCB EASY และให้ตนสแกนใบหน้ายืนยันตัวตนเพื่อผูกใช้งาน เมื่อดำเนินการต่างๆ เสร็จเรียบร้อย นายสอง ได้เลี้ยงอาหารตนเพื่อเป็นการตอบแทนในวันนั้น และหลังจากวันนั้นอีกหลายวันต่อมานายสองได้โอนเงินค่านำบัญชีธนาคารไปใช้และค่าดำเนินการต่างๆ ให้ตน จำนวน 500 บาท หลังจากนั้นนายสองก็ไม่ได้ติดต่อกับตนอีกเลย จนมาถูกจับกุมในครั้งนี้
จากการตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของนางสาวอาริสา ในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่ามีประวัติการถูกดำเนินคดี จำนวน 2 คดี ประกอบด้วย ปี 2562 ถูกจับกุมในความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าน,ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ จ.457/2567 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อีกทั้งแจ้งเตือนให้ระมัดระวังการถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน คือ จำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาท ถึง 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (คนจัดหาบัญชีม้า) หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ