xs
xsm
sm
md
lg

“เมาแล้วขับ” ฆาตกรจากนรก ผลสะท้อนกฎหมายอ่อนแอ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2567 นำเสนอรายงานพิเศษ “เมาแล้วขับ” ฆาตกรจากนรก ผลสะท้อนกฎหมายอ่อนแอ



โศกนาฏกรรมจากกรณีเมาแล้วขับเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต่างอะไรกับเชื้อชั่วในสังคมไทยที่ไม่มีวันตาย เมื่อโชเฟอร์ตีนผี เมาแอ๋ควบเก๋งฝ่าด่านตรวจพุ่งชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเคราะห์ร้าย ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ประจำด่าน ยังผลให้เหยื่อเมาแล้วขับ เสียชีวิตคาเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แม้เจ้าหน้าที่กู้ภัยจะพยายามให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 24 พฤษภาคม 2567 เกิดเหตุเก๋งเมาซิ่งขับแหกด่านตรวจพุ่งชนตำรวจจราจรได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนเส้นสัตพงษ์-ดอนหัวฬ่อ ตำบลดอนหัวฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ทำให้ ด.ต.ธนากรณ์ อินทรสุวรรณ ตำแหน่ง ผบ.หมู่จราจรสภ.ดอนหัวฬ่อ ได้รับบาดเจ็บ กะโหลกศีรษะแตก ขาและแขนหัก อาการสาหัส ก่อนที่ด.ต.ธนกรณ์ จะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นด่านจุดตรวจการจราจร พบกระบองไฟผู้เสียชีวิตกระจายและชุดอุปกรณ์กระจายกระเด็นกว่า 100 เมตร ห่างไปเล็กน้อยพบรถเก๋ง ยี่ห้อเอ็มจี 4 สีขาว ทะเบียน 3ขท 4944 กทม. สภาพด้านหน้ารถพังยับเยิน ที่นั่งคนขับพบนายธนศักดิ์ มณีทอง อายุ 37 ปี ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ อยู่ในอาการมึนเมาไม่ได้สติ หลังจากตรวจสอบด้วยเครื่องเป่าพบว่า ปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 158 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนด

อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีกับนายธนศักดิ์ ซึ่งเป็น Supervisor บริษัท SR เอ็นซาวด์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ ถึง 2 ข้อหา ประกอบด้วย ขับรถขณะเมาสุราและขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นจึงแก่ความตาย แต่ในวันต่อมา เมื่อนำตัวผู้ต้องหาไปส่งฟ้องศาล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย นายธนศักดิ์กลับได้รับอนุญาตให้ประกันตัว โดยวางหลักทรัพย์เป็นเงิน 100,000 บาท

กรณีดังกล่าว ทำให้หลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า แม้การประกันตัวในชั้นศาล จะเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่สำหรับในคดีเมาแล้วขับ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่ยื่นคัดค้านการประกันตัว โดยใช้เหตุผลคัดค้านว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ต้องหาไปก่อเหตุซ้ำอีก

อย่างน้อยถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัวและศาลเห็นชอบ บรรดาโชเฟอร์ตีนผีที่เมาแล้วขับจะได้ถูกจำคุกกันบ้าง แม้จะเป็นช่วงระยะเวลาของการฝากขังครั้งแรก ซึ่งยังมีสิทธิ์ขอประกันตัวเมื่อครบกำหนดฝากขังครั้งแรกก็ตาม

แต่การเข้าไปลิ้มรสเรือนจำที่แตกต่างจากห้องขังบนสถานีตำรวจ ก็คงจะเป็นเยี่ยงอย่างให้คนที่ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายเมาแล้วขับ ได้รับบทลงโทษอย่างฉับพลัน สาสมกับการกระทำ ของตนเอง ซึ่งยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะนอกจากจะโดนดำเนินคดีอาญาแล้ว ยังจะถูกฟ้องแพ่งจากครอบครัวผู้สูญเสียให้ชดใช้ค่าอุปการะอีกด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า พฤติกรรมเมาแล้วขับในสังคมไทยเกิดขึ้นซ้ำซาก ชนิดอาจจะเรียกได้ว่า มีให้ได้รับรู้เป็นข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดลง ในกรณีเมาแล้วขับเกิดขึ้นหลายครั้ง อาทิ นายเอกชัย จันทร์สำราญ อายุ 45 ปี ก่อเหตุเมาแล้วขับ จนรถกระบะของตนเองพุ่งชนป้อมตำรวจที่แยกตลาดดอนพลู จังหวัดสุพรรณบุรี จนได้รับความเสียหายหนัก เหตุเกิดเมื่อเวลา 03:00 น. วันที่ 17 พฤษภาคม

ซึ่งหลังถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายเอกชัยเป่า เครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ผลที่ได้ก็คือ นายเอกชัยมีแอลกอฮอล์ในร่างกายสูงถึง 173 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ตามกฎหมายกำหนดไว้ว่า ต้องไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ผ่านไปเพียงสัปดาห์เดียว ในวันที่ 24 พฤษภาคม เกิดเหตุการณ์เมาแล้วขับที่ถนนประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี เมื่อนางโสจิรัตน์ อายุ 49 ปี ขับรถพุ่งชนรถยนต์และจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ได้รับความเสียหายรวม 3 คัน โดยนางโสจิรัตน์อยู่ในสภาพเมามาย ให้การแทบไม่รู้เรื่อง ผลการตรวจวัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบว่าสูงถึง 206 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม ต้องถือว่าเป็นโชคดีที่ทั้งสองเหตุการณ์ที่กล่าวมาไม่มีผู้เสียชีวิต เหมือนกรณีนายธนศักดิ์ หนุ่มโรงงานขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์เมาแล้วขับที่ร้ายแรงที่สุดของเดือนพฤษภาคมปีนี้

แน่นอนว่า กรณีเมาแล้วขับไม่มีวันที่จะหมดสิ้นไปจากสังคมไทย ตราบใดที่บทลงโทษทางกฎหมายไม่หนักหนาสาหัสเพียงพอที่จะทำให้โชเฟอร์นักดื่มทั้งหลายยำเกรง ยิ่งหากเป็นนักดื่มไฮโซ มีชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่การงานดี การเงินหนา โอกาสที่บุคคลเหล่านี้จะเอาตัวรอดจากความผิดฐานเมาแล้วขับ ย่อมมีอยู่มากกว่าชาวบ้านทั่วไป

จึงถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วน ต้องร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียวในการขจัดปัดกวาดบุคคลที่เมาแล้วขับ ให้หมดไปจากสังคมไทย โดยใช้ทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ไม่เว้นแม้แต่การติดตามข่าวและเผยแพร่คำตัดสินของคดีเหล่านี้โดยไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบเหมือนที่ผ่านมา

อย่างเช่นก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายนได้เกิดกรณีเมาแล้วขับที่โด่งดังสะท้านเมือง เมื่อ CEO สาวคนดังของบริษัทยักษ์ใหญ่ ก่อเหตุเมาแล้วขับและเกิดข้อพิพาทกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้เท้าถีบหน้านายตำรวจชั้นสัญญาบัตรผู้จับกุมและด่าทอตำรวจชั้นประทวน จนมีการขุดคุ้ยตีแผ่ข้อมูลว่า CEO สาว เคยถูกจับในกรณีเมาแล้วขับมาแล้ว เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านั้น

หลังจากออกข่าวโต้กันไปมาระหว่าง CEO สาวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนได้ข้อสรุปว่า จะมีการรวมทั้ง 2 คดี เพื่อสั่งฟ้อง ในวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงบัดนี้ ข่าวดังกล่าวก็เงียบหายไปจนโลกโซเชียลอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเรื่องนี้จึงไม่ถูก กล่าวขานเหมือนที่ผ่านมา เหตุใดสื่อมวลชนจึงไม่ติดตามความคืบหน้า เพื่อรายงานให้สาธารณชนรับรู้ว่าผลการสั่งฟ้องเป็นไปอย่างไร CEO สาวคนดังขอต่อสู้คดีหรือรับสารภาพและได้รับการประกันตัวหรือไม่อย่างไร

เมื่อถึงตอนนี้ จึงอาจสรุปความจริงที่เจ็บปวดได้ว่า เมาแล้วขับไม่มีวันหมดไปจากบ้านเมืองนี้และบรรดาโชเฟอร์ตีนผีที่เมาแล้วขับ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก็คือ ฆาตกรจากนรกที่จะอยู่คู่กับสังคมไทยไปตราบนานเท่านาน

--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android


กำลังโหลดความคิดเห็น