xs
xsm
sm
md
lg

รวบผัวเมียวัยรุ่น ลอบทำปืนไทยประดิษฐ์ ขายผ่านทางออนไลน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุม 2 ผัวเมียวัยรุ่นลักลอบผลิตปืนไทยประดิษ์ ขายผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งทั่วประเทศ

วันนี้ (23 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวีรวุธ อายุ 18 ปี ภูมิลำเนา ตำบลสลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร และ น.ส.พิทยาภรณ์ อายุ 18 ปี ภูมิลำเนา ตำบลท่าซุง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

พร้อมตรวจยึดของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี ประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 จำนวน 2 กระบอ ใบเสร็จรับเงินอย่างย่อ จำนวน 1 บิล และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่น แกรนด์ฟิราโน่ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 กฎ 550 จังหวัดอุทัยธานี สามารถสจับกุมตัวได้บริเวณหน้าร้าน FLASH EXPRESS สาขามโนรมย์ ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จ.ชัยนาท

สืบเนื่องจากการเร่งรัดปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันสถิติอาชญากรรมที่มีการใช้นำอาวุธปืนไปประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายมีเพิ่มมากขึ้นเป็นอย่างมาก อาทิ เหตุกราดยิงภายในห้างสรรพสินค้า เด็กนักเรียนนักศึกษาต่างสถาบันนำอาวุธปืนไปใช้ยิงคู่อริ เป็นต้น ซึ่งหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายามสืบสวนขยายผลจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุซื้ออาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเพื่อมาก่อเหตุผ่านช่องทางออนไลน์

กระทั่งจนชุดลาดตระเวนออนไลน์ กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ออกแกะรอยสืบสวนจนพบข้อมูลจากสายลับว่า นายวีรวุธ และ น.ส.พิทยาภรณ์ สองผัวเมียวัยรุ่น มีพฤติกรรมลักลอบนำอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ขนาดต่างๆ ส่งจำหน่ายทั่วประเทศ ซึ่งเป็นอีก 1 ตัวการสำคัญที่เป็นต้นตอของการก่อเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าสะกดรอยพฤติกรรมกว่า 1 เดือน จนทราบว่า สองผัวเมียคู่นี้จะมาส่งปืนทางบริษัทขนส่งเอกชนอยู่ประจำ โดยในระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้งสองขับขี่รถจักรยานยนต์นำกล่องพัสดุซึ่งภายในมีอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ไปจัดส่งให้แก่ลูกค้าที่สั่งซื้อ เจ้าหน้าที่ได้แสดงตนเข้าตรวจค้นและจับกุมพร้อมยึดของกลางดังกล่าวไว้ได้

จากการซักถามนายวีรวุธ และ น.ส.พิทยาภรณ์ ทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยผู้ต้องหาทั้งสองรายให้การว่าเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น คบหาอยู่กินด้วยกันได้ประมาณ 1 ปี ทำอาชีพหลักรับจ้างทั่วไปในพื้นที่อำเภอเมืองอุทัยธานีด้วยกัน เมื่อประมาณปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปเห็นในเฟซบุ๊กว่ามีการโพสต์ประกาศขายปืนกันอย่างแพร่หลาย ถ้าตนและแฟนหันมาทำเป็นงานเสริมน่าจะได้กำไรดี จึงลองสั่งซื้อมาและลองเอาไปโพสต์ขายทางโซเชียล ปรากฏได้กำไรดี เฉลี่ยได้กำไรกระบอกละ 2,000 บาท (ซื้อมากระบอกละ 4,000 บาท ขายกระบอกละ 6,000 บาท) จึงหันมาทำเป็นอาชีพเสริมจากงานรับจ้างทั่วไปที่ทำเป็นหลักอยู่ปกติ ที่ผ่านมาเคยสั่งปืนเพื่อนำมาส่งขายแล้วประมาณ 10 กว่าครั้ง เงินที่ได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัวกันสองคนผัวเมีย ก่อนจะมาถูกจับกุมที่สุด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.หางน้ำสาคร จ.ชัยนาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านพล.ต.ต.ธีรเดช เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้การก่ออาชญากรรมมีลักษณะที่มีการใช้อาวุธปืนประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย ปล้น ชิงทรัพย์ ในลักษณะอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายเพิ่มมากขึ้น อาทิ เหตุกราดยิง นักศึกษาต่างสถาบัน เหตุทะเลาะวิวาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก สั่งการให้ทุกชุดปฏิบัติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจัง ากเตือนผู้ ซื้อ-ขายปืนออนไลน์ ผิดทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ซื้ออาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ซื้อ มี ใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ส่วนผู้ขายขายอาวุธปืนออนไลน์มีความผิดฐาน “ทำ ประกอบ มี หรือจำหน่ายอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท




กำลังโหลดความคิดเห็น