ตำรวจสืบสวนนครบาล จับกุม “ครูจู้” เปิดโรงเรียนสอนดนตรีย่านพระโขนง ก่อเหตุอนาจารลูกศิษย์หญิงวัย 10 ปี จากการตรวจค้นยังพบคลิปโป๊เด็กกว่าพันคลิป ถุงยาง ยาคุม และเจลหล่อลื่น
วันนี้ (22 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.3 บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาลสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวีระนันต์ หรือ ครูจู้ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.481/2567 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 67 โดยกล่าวหาว่า “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” และถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” พร้อมตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ไอแพด จำนวน 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง (ของกลางรายการที่ 1-3 ตรวจสอบพบว่ามีคลิปลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็ก จำนวนกว่า 1,000 คลิป) ถุงยางอนามัย จำนวน 1 กล่อง ยาคุมฉุกเฉิน จำนวน 1 กล่อง และเจลหล่อลื่น จำนวน 1 หลอด สามารถจับกุมตัวได้ที่ โรงเรียนสอนดนตรี ถ.สุขุมวิท 77 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากมีผู้ปกครองได้ส่งบุตรหลานเรียนพิเศษดนตรี 77 Musical ย่านพระโขนง ขณะที่ผู้เป็นแม่นั่งรอลูกสาวอายุ 10 ขวบ เรียนพิเศษดนตรีเปียโน ที่โรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว เป็นประจำตามปกติทุกวันศุกร์ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้เคียงกับโรงเรียน แต่ปรากฏว่า ลูกสาวได้วิ่งมาหาแม่ ก่อนที่จะถึงเวลาเลิกเรียนตามปกติ ด้วยสภาพร้องไห้และหวาดกลัว
โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ เดือน พ.ค. 66 ผู้เป็นแม่หวังอยากให้ลูกสาวมีความสามารถพิเศษทางด้านดนตรี จึงตัดสินใจส่งลูกสาวเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว จึงเข้าไปติดต่อภายในโรงเรียน และได้เจอเข้ากับครูจู้ เจ้าของโรงเรียนและเป็นครูผู้สอนเปียโน เขาเริ่มแนะนำ พร้อมทั้งโชว์ใบประกาศให้ผู้เป็นแม่ได้ดู จนเชื่อได้โดยสนิทใจว่า ครูคนนี้จะสอนให้ลูกสาวของตนเล่นเปียโนเก่งได้ จึงตบปากรับคำให้ลูกสาวเรียนกับครูจู้ แบบตัวต่อตัว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และเรียนเรื่อยมาจนถึง ม.ค.ที่ผ่านมา ลูกสาวเล่าให้แม่ฟังว่า ขณะที่กำลังนั่งเรียนเปียโนอยู่ตามปกติ ครูจู้เริ่มเดินเข้ามาชิดที่หลัง จนรู้สึกตัวได้ว่ามีอะไรข้างหลัง แต่ลูกสาวบอกกับแม่ด้วยความไร้เดียงสา ว่า ในตอนนั้นไม่เข้าใจว่ามันคือการทำอะไร แต่ถูกทำเช่นเดิมแบบนี้ซ้ำๆ ทุกวันที่ไปเรียนเปียโน
จนเหตุการณ์เริ่มหนักขึ้น เมื่อเริ่มเข้าเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ขณะที่ลูกสาวไปนั่งเรียนเปียโนอยู่บนเก้าอี้เปียโนตามปกติ ครูจู้จับลูกสาวนอนลงล่วงละเมิดที่อวัยวะเพศอย่างโรคจิต โดยลูกสาวบอกกับแม่ว่า ในตอนนั้นไม่เข้าใจว่าครูกำลังทำอะไรและกำลังถูกทำอะไร จึงไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง จนวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่นั่งเรียนเปียโน บรรเลงเพลงตามปกติ จู่ๆ ครูจู้ได้เริ่มกระทำอนาจารมากขึ้นเรื่อยๆ โดยลูกสาวเล่าให้ฟังว่า กลัวมากที่ได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เมื่อลูกสาวรวบรวมสติได้จึงถีบครูจู้ล้มลงกับพื้น ก่อนที่จะวิ่งหนีออกจากโรงเรียน เพื่อหนีกลับไปหาแม่ของเธอที่นั่งรออยู่ และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้แม่ได้ฟัง
จากนั้นแม่จึงตัดสินใจพาลูกสาวเข้าขอความช่วยเหลือกับทางเจ้าหน้าที่สืบนครบาล และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง จนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับครูรายนี้ไว้แล้ว ต่อมา พล.ต.ท.ธิติ สั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช จัดชุดสืบ “สารวัตรแจ๊ะ” เร่งติดตามไล่ล่าครูรายนี้มาดำเนินคดี ก่อนสืบทราบว่า ครูจู้ยังเปิดโรงเรียนสอนดนตรีรับสอนเด็กนักเรียน เพื่อหาเหยื่อรายใหม่อยู่ตามปกติ หากปล่อยให้ครูรายนี้ใช้ชีวิตเช่นเดิมตามปกติ ต้องมีเด็กสาวอีกนับไปถ้วนที่ต้องตกเป็นเหยื่อ ชุดจับตัดสินใจ บุกเข้าไปภายในโรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว กระทั่งเข้าไปภายในห้องนอนของครูจู้ จนต้องถึงกับผงะ เมื่อพบว่า หลังจากพี่งสอนดนตรีให้เด็กสาวไปเสร็จหมาดๆ เจ้าตัวเปลื้องผ้านอนล่อนจ้อน กำลังช่วยตัวเองอยู่ภายในห้องนอนก่อนถูกจับกุมได้ในที่สุด จากการตรวจค้น จนพบว่า ภายในห้องสอนดนตรีที่ใช้สำหรับสอนดนตรีให้กับเด็กนักเรียนตามปกติ ยังมีถุงยางอนามัย เจลหล่อลื่น และยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน วางตั้งหลาอยู่บนเปียโน
ทั้งนี้ จากขยายผลจนพบว่า ครูรายนี้จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” เมื่อชุดจับตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ของครู ยังพบคลิปวิดีโอลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็ก จำนวนมากกว่า 1,000 คลิป อีกทั้งยังมีพฤติกรรมแอบถ่ายเด็กนักเรียนสาวที่ตนเองสอน ในขณะใส่ชุดนักเรียน ส่งไปให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันแทบทุกวัน จนมีคำพูดประจำในกลุ่มนี้ว่า “เอาน้องมา เ-ด ที่บ้านหรอ” “นักเรียนคนไหนขาย xxx เ-ดได ก็บอกนะครับ” ก่อนที่เจ้าตัวมักจะตอบกลับไปว่า “เวลามันทำอะไรไม่ระวังเลย ล้วงมือไปในเสื้อเกานม ล้วงกระโปรงเกา xxx” จากพฤติกรรมความเลวทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้น เชื่อได้ว่า ยังมีเหยื่อที่เป็นเด็กนักเรียนถูกกระทำอนาจารอีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในความผิดฐานกระทำอนาจาร แต่รับสารภาพในข้อหาครอบครองสื่อลามก โดยให้การว่า ตนเป็นคนกรุงเทพฯโดยกำเนิด จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาดนตรี ซึ่งตนมีความชอบทางด้านดนตรีมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ เริ่มหัดเล่นเครื่องดนตรีต่างๆ แทบทุกชนิดเรื่อยมา จนได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย สาขาวิชาดนตรี เมื่อเรียนจบ จึงได้มาเปิดโรงเรียนสอนดนตรีเป็นของตนเอง ซึ่งช่วงปีแรกที่ตนเปิดโรงเรียนนั้น จะใช้วิธีแจกใบปลิวให้คนในละแวกนั้น เพื่อหาเด็กนักเรียน ซึ่งตนใช้ระยะเวลาถึง 10 ปี กว่าจะเป็นที่รู้จักในกลุ่มคนเรียนดนตรีย่านพระโขนง ปัจจุบันโรงเรียนสอนดนตรีของตนมีลูกศิษย์ประมาณ 30-40 คน ตั้งแต่ระดับประถมไปจนถึงมหาวิทยาลัยและในส่วนที่ตนถูกกล่าวหานั้น ในวันเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ามาเรียนเปียโนกับตนตามปกติ แต่ในวันดังกล่าวผู้เสียหายเล่นเปียโนไม่ตรง ตามจังหวะที่ตนสอน ตนจึงได้ใช้อารมณ์ต่อว่าด้วยความรุนแรง ซึ่งตนคิดว่า ผู้เสียหาย อาจจะไม่พอใจตนและกุเรื่องขึ้นไปฟ้องผู้ปกครองว่าตนกระทำอนาจารและในส่วนของคลิปและรูปภาพในโทรศัพท์มือถือที่ตำรวจ ตรวจเจอนั้น ยืนยันว่า ตนไม่เคยคิดไม่ดีกับเด็กและลูกศิษย์ เพียงแค่อยากอวดเพื่อนว่ามีลูกศิษย์สวยๆ มาเรียนกับตน
โดยภายหลังจับกุมได้นำตัว นายวีระนันท์ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานจากการสืบสวนแน่นหนา ประกอบกับผู้ต้องหารายนี้ว่า จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” มีความหมกหมุ่น และคลั่งไคล้ในเรือนร่างของเด็กสาววัยรุ่นจนเรียกได้ว่าเข้าขั้นโรคจิต ซึ่งการที่ผู้ต้องหารายนี้มีอาชีพสอนดนตรีให้กับเด็กนักเรียนทั่วไป และจะสอนเฉพาะในรูปแบบตัวต่อตัว โดยใช้วุฒิการศึกษาของตนเป็นฉากบังหน้า ถือว่าเป็นภัยร้ายต่อสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ที่ต้องการส่งลูกหลานเรียนพิเศษเพิ่มความสามารถทางด้านดนตรี เป็นอย่างมาก เราจึงเชื่อว่ายังมีเด็กนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่อ อีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง หรือไม่กล้าเข้าแจ้งความ ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านในสังคม และต้องการให้เด็กสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อได้รับความยุติธรรม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองที่เคยส่งบุตรหลานของท่านมาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ โปรดสอบถามบุตรหลานของท่านว่าเคยถูกบุคคลดังกล่าวกระทำอนาจารหรือไม่ และหากผู้ใดเคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท. ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.