xs
xsm
sm
md
lg

ทนาย“บุ้ง ทะลุวัง” ชี้ เวลาที่ช็อกและกู้ชีพ ในเอกสารกรมราชทัณฑ์ไม่ตรงกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง”
ทนาย “บุ้ง ทะลุวัง” ชี้เอกสาร26 แผ่นที่กรมราชทัณฑ์มอบให้ยังน่าสงสัย เพราะช่วงเวลาที่ช็อก และกู้ชีพในเวชระเบียน-แบบบันทึกกู้ชีพ ไม่ตรงกัน จี้ผลเอ็กซเรย์ปอด -สมอง ภาพเคลื่อนไหวขณะกู้ชีพเพิ่มเติม


ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ 21 พ.ค. นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง ทะลุวัง” เดินทางมายื่นเอกสารการตาย เพื่อให้ศาลสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบ ในคดีหมายเลขดำ อ.2466/2566 ที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส อดีตผบ.ตร.และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยื่นฟ้องน.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท

ภายหลังนายกฤษฏางค์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า วันนี้มาเพื่อแจ้งต่อศาลว่า น.ส.เนติพร เสียชีวิตแล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายอาญา ถ้าผู้กระทำความผิดหรือ ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดเสียชีวิตคดีอาญาก็สิ้นสุด แต่เมื่อตรวจสำนวนคดีในชั้นศาลแล้ว พบว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ โจทก์ได้ให้ทนายความมายื่นคำร้องขอถอนฟ้องที่ขอให้ศาลลงโทษและเรียกค่าเสียหายไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากจำเลยเสียชีวิตเพียง 1 วัน โดยทนายความระบุในคำร้องว่า ไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับจำเลยอีกต่อไปและขอถอนฟ้อง ซึ่งศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้อง จำหน่ายคดีออกจากสารบบ เท่ากับคดีนี้สิ้นสุดแล้ว ความจริงยังมีคดีทำโพลล์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ มาตรา 112 และคดีมาตรา 112 ในชั้นตำรวจของสน.ปทุมวัน และสน.ห้วยขวาง ซึ่งจะมาแจ้งการเสียชีวิตให้ทราบต่อไป

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า มีสื่อมวลชนและประชาชนสอบถามเกี่ยวกับเอกสารการช่วยเหลือ น.ส.เนติพร จำนวน 26 แผ่นที่ได้รับจากกรมราชทัณฑ์ ซึ่งตนเองจะขอชี้แจงความคืบหน้าอาการของน.ส.ทานตะวัน หรือ ตะวัน ตัวตุลานนท์ ผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวถูกคุมขังอยู่ว่า ตอนนี้อาการทรงตัว อ่อนเพลียมาก เป็นอาการที่มาจากการอดอาหาร เมื่อวานก็ได้ไปเยี่ยม จึงกำชับกับพ่อและแม่ของ น.ส.ทานตะวัน กับผู้คุมเรือนจำและขอร้องหมอว่าให้ช่วยดูแล เพราะอาจจะเกิดปัญหาแบบเดียวกับ น.ส.เนติพร ได้ หากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เอาเอกสารอะไรมาให้เซ็น ก็ให้ระวัง เพราะเป็นประจักษ์พยานคดีที่น.ส.เนติพร เสียชีวิต ประเด็นต่อมา เมื่อวานนี้ได้ไปรับเอกสารการช่วยเหลือน.ส.เนติพร จำนวน 26 แผ่น ที่กรมราชทัณฑ์ ก็ทราบว่ามีการพาสื่อมวลชนไปดูห้องที่ช่วยเหลือ น.ส.เนติพร ซึ่งเรื่องนี้ทางกรมราชทัณฑ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์หรือ ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม ไม่เคยแจ้งให้ญาติเข้าไปดูด้วย โดยให้เพียงเอกสาร 26 แผ่น ส่วนหลักฐานที่เป็นภาพวงจรปิดก็ยังให้ไม่ได้ อยู่ระหว่างการจัดการ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะให้ได้เมื่อไหร่

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า เกี่ยวกับข้อสงสัยเอกสารการช่วยเหลือ น.ส.เนติพร จำนวน 26 แผ่นที่ได้รับจากกรมราชทัณฑ์(โรงพยาบาลราชทัณฑ์) ซึ่งผู้สูญเสียย่อมมีสิทธิ์สงสัย ซึ่งเราได้ดูจากเอกสารเท่าที่ให้มา เป็นเวชระเบียนและรายงานพบว่าระบุเวลากู้ชีพ ไม่ตรงกัน โดยจากเวชระเบียนวันที่ 14 พ.ค.2567 ซึ่งเป็นเวลาที่น.ส.เนติพรช็อกไปเมื่อช่วงเช้า ก่อนจะส่งไปรักษาต่อที่รพ.ธรรมศาสตร์ระบุว่า เวลาน.ส.เนติพร ช็อกไปเมื่อเวลา 06.15 นาที ผู้ป่วยมีอาการเกร็ง ตาเหลือก เรียกไม่รู้สึกตัว เริ่มทำการกู้ชีพ (CPR) เวลา 06.23 น. แต่แบบบันทึกการกู้ชีพระบุว่า เริ่มทำการกู้ชีพ (CPR) เวลา 06.28 น. นอกจากนี้มีการย้ายผู้ป่วยจากห้องอาคารชั้นสองของโรงพยาบาลลงไปที่ห้องไอซียูชั้น 1 โดยใช้อาสาสมัครเรือนจำช่วยในการเคลื่อนย้ายจำนวน 4 คน จากเอกสารทั้งหมดไม่ปรากฏว่าตลอดระยะเวลา 06.15 - 06.28 น. มีการติดเครื่องติดตามสัญญาณชีพ ซึ่งความจริงจะต้องมีการติดเครื่องติดตามสัญญาณชีพตลอดเวลาว่า ชีพจรหยุด หรือ เดินเวลาใด และจากแบบบันทึกการกู้ชีพระบุว่า มีการทำเอ็กซเรย์ปอด (ไม่ระบุเวลาทำ) และมีการส่งผู้ป่วยไปทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์

สมอง ชนิดไม่ฉีดสารทีบสี่ ที่ห้อง x/ay เมื่อเวลา 07.38 น. หรือพูดง่ายๆว่าไปทำทีซีสแกนเพื่อตรวจดูสมอง ซึ่งเราสงสัยระหว่างนั้นไม่ได้มีการทำการกู้ชีพ(CPR) หรือเครื่องติดตามสัญญาณชีพ เพราะจะรบกวนเครื่องทีซีสแกน แต่กลับระบุว่าระหว่างนั้นยังทำการกู้ชีพ (CPR) อยู่ตลอดระยะเวลา โดยเราสงสัยว่าระหว่างที่จะต้องกู้ชีพ นั้นทำการเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองหรือทีซีสแกนไปทำไม นอกจากนี้ระยะเวลาตั้งแต่ส่งตรวจ ไปจนถึงเวลากลับมาถึงหอผู้ป่วยในเอกสารระบุเวลาไม่ตรงกัน ทำให้ญาติและทนายความสงสัยว่าเอกสารนี้ปรุงแต่งขึ้นมาหรือไม่

ก่อนที่ผอ.โรงพยาบาลราชทัณฑ์จะเข้าประเมินผู้ป่วยเวลา 08.00 น. และสั่งให้ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ประสานงานโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เพื่อส่งรักษาต่อ โดยขณะนั้นไม่สัญญาณชีพกลับคืนมาตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเอกสาร 26 แผ่น ไม่ได้แนบผล หรือให้ภาพเอ็กซเรย์ปอด หรือ สมอง แต่อย่างใด รวมทั้งผลการเอ็กเรย์ เพราะถ้าทำการเอ็กซเรย์ปอด หรือ สมอง จะทำให้รู้ว่ามีการใส่ท่อเข้าไปหรือไม่

แต่ที่น่าสังเกตุคือจากแบบบันทึกสรุปการจำหน่าย (Discharge Summary) ระบุว่า ผู้ป่วยมีอาการโรค Refeeding Syndrorne คือเป็นผู้มีอันตรายจากการอดอาหาร เพราะฉะนั้นการให้อาหารหรือรักษาพยาบาล ให้ยา ให้เกลือแร่ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน

ดังนั้นทนายความและญาติ ประชุมปรึกษาร่วมกันแล้ว ต้องการสอบถามถึงมาตรฐานการกู้ชีพ และความน่าเชื่อถือของเวช
ระเบียนที่ให้เรามาว่าถูกต้องเพียงใด เนื่องจากเวลาการเริ่มทำการกู้ชีพซี่งระบุเวลาไม่ตรงกัน ไม่มีบันทึกสัญญาณชีพตั้งแต่หมดสติ จนถึงหอผู้ป่วย CU และ ตั้งข้อสังเกตุว่าเหตุใดจึงต้องตัดสินใจส่งผู้ป่วยไปทำการทำการสแกนสมอง (CT Brain NC) ซึ่งระหว่างนั้นจะต้องทำการกู้ชีพ ช่วยด้วยการปั้มหัวใจ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย และการทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง อาจทำให้การกดหน้าอกกู้ชีพไม่ต่อเนื่อง ซึ่งเราคิดว่าผิดมาตฐานการกู้ชีพ รวมถึงต้องการทราบว่า โรงพยาบาลราชทัณฑ์ วินิจฉัยโรค Refeeding Syndrome ตั้งแต่เมื่อไหร่ มีการรักษาอย่างไรบ้าง จนถึงวันก่อนเสียชีวิต เนื่องจากเป็นภาวะที่มีความรุนแรง มีความเสี่ยง ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

นายกฤษฎางค์ กล่าวอีกว่า ญาติของผู้เสียชีวิตมีความต้องการให้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ทำการส่งมอบเอกสารเพิ่มเติมให้ครบถ้วน คือผลการเอ็กซเรย์ปอด ผลอ่านการผลเอกชเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ชนิดไม่ฉีดสารทึบสี ผลบันทึกว่าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้ผู้เสียชีวิตรับอาหารใด และผลเลือดทุกครั้ง และระเบียนเวชทั้งหมด นับตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2567 ที่รับตัวกลับไปจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เมื่อถามว่าหลังจากนี้เราจะทำอย่างไรต่อไป ข้อแรกวันศุกร์ที่ 24 พ.ค.นี้ทางโรงพยาลราชทัณฑ์จะต้องส่งมอบภาพเคลื่อนไหวให้เรา เพราะภาพเคลื่อนไหวจะบอกได้ชัดเจนว่า ระหว่างนั้นเป็นจริงตามที่ระบุในเวชระเบียนหรือไม่ ใครทำอะไร มีการใช้เครื่องมืออะไร และระหว่างนั้นมีการกู้ชีพหรือไม่ และเนื่องจากการส่งเอกสารมาให้ไม่ครบถ้วน เราจึงขอดูเวชระเบียนตั้งแต่วันที่ 14 เม.ย.2567 ไปจนถึงวันตาย เพราะว่าน.ส.เนติพร ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.2567 หลังจากนั้นกรมราชทัณฑ์ทำหนังสือขอรับตัวกลับเพราะตรวจแล้วร่างกายแข็งแรง อาจจะมีอาการอ่อนเพลียบ้าง ซึ่งเราอยากทราบว่า น.ส.เนติพร กินอะไร ได้รับยาหรือไม่ น.ส.เนติพรปฏิเสธการรับอาหารจริงหรือไม่ เช่นถ้าอ้างว่า ผู้ป่วยปฏิเสธการรับเกลือแร่ หรือโปแตสเซียมหรือยาอื่นๆ ซึ่งแพทย์ระบุว่า ถ้าหากต้องการช่วยชีวิตก็สามารถช่วยทางเส้นเลือดได้ ถ้าไม่ทำแสดงถึงมาตรฐานหรือไม่ ยืนยันว่าเราไม่มีเจตนาที่จะแก้แค้นหรือเป็นปัญหาทางการเมือง เราต้องการทราบความจริงว่าตายเพราะอะไร

ถ้าเราร่วมกันเปลี่ยนแปลงตรงนี้โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก็จะสามารถให้ความมั่นใจว่า เมื่อเข้าเรือนจำแล้ว จะต้องมากังวลว่าจะตายหรือไม่ ซึ่งจะต้องเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ประมวลกฎหมายอาญา ประมวลกฎหมายวิฯ อาญา กฎหมายรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนที่เรารับรองไว้ 
 
เมื่อถามว่า ต้องการจะเอาผิดกรมราชทัณฑ์หรือไม่ 
 
นายกฤษฎางค์ ทนายความ กล่าวว่า ไม่ เพียงแต่ต้องการทราบข้อเท็จจริง ใครผิดก็ว่าไปตามผิดเพราะว่ากฎหมายมีอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท้ายที่สุดแล้วจะกล่าวโทษหรือร้องทุกข์กับผู้เกี่ยวข้องที่อาจจะประมาท ทำให้ น.ส.เนติพร หรือ บุ้ง ถึงแก่ความตายหรือไม่ 
 
นายกฤษฎางค์ ทนายความ ระบุว่า ไม่คิดไปถึงขนาดนั้น แต่หากมีข้อเท็จจริง แม้เราไม่ทำ ก็มีคนอื่นทำได้อยู่แล้ว เพราะเป็นอาญาแผ่นดิน

เมื่อถามว่า ที่ญาติและทนายความสงสัยว่าเอกสารอาจมีการดัดแปลง หรือเปลี่ยนไป เพราะเหตุใดทำให้คิดเช่นนั้น 
นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า อย่างที่บอกว่า ช่วงเวลาไม่ต่อเนื่อง ไม่ตรงกันและความเป็นไปไม่ได้ มีมากกว่าความเป็นไปได้ เช่นถ้าหากมีแพทย์จริง มีเครื่องมือจริง ก็เปิดเผยออกมาเลย รวมทั้งผลการเอ็กซเรย์ปอดและสมอง และทำการกู้ชีพระหว่างที่หิ้วตัวลงไป ทำได้อย่างไร ซึ่งเห็นว่าไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงหลายอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น