ภายหลัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เซ็นคำสั่งตั้ง “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ขยับขึ้นมารักษาราชการแทน รอง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ถูกโยกเป็นเลขาธิการ สมช.
จึงเป็นที่จับตามองกันอีกครั้งว่าจะมีการแต่งตั้งให้ พล.ต.ท.ประจวบ เป็นรอง ผบ.ตร.ตัวจริงก่อนเดือนส.ค. ซึ่งตามไทม์ไลน์จะมีการคัดเลือกผบ.ตร.คนใหม่แทน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้
หากเป็นเช่นนั้น พล.ต.ท.ประจวบ ก็จะกลายเป็นแคนดิเดตคนสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจากเจ้าตัวมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับตระกูลชินวัตร
โดยเฉพาะได้รับความไว้วางใจให้ดูแลแผนอารักขาความปลอดภัยและแผนจราจรช่วงรับตัว “ทักษิณ ชินวัตร” บินกลับไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2566
แต่กระนั้นก็ต้องดูอีกว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. จะไฟเขียวให้มีการแต่งตั้งนอกวาระหรือไม่ หลังวงในระบุว่าที่ผ่านมามีความพยายามจะดันเรื่องนี้เข้าที่ประชุมถึง 2 ครั้ง แต่ถูกคัดค้านอย่างหนักจาก ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ยืนกรานว่าไม่สามารถทำได้ เพราะกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ ตามพ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ยังไม่มีผลบังคับใช้ หากทำไปก็จะผิดกฎหมาย
แต่ในแวดวงสีกากีไม่มีอะไรที่เป็นไม่ได้ เพราะกูรูกฎหมายตำรวจบางคนกระซิบมาว่า แม้ไม่มีกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ แต่ก็สามารถออกเป็นข้อกำหนดว่าด้วยการแต่งตั้งฯ มาใช้เหมือนกรณีแต่งตั้งนายพลวาระเดือนเมษายน เรื่องนี้จึงต้องจับตาดูชนิดไม่กระพริบตา
สำหรับ พล.ต.ท.ประจวบ ปัจจุบัน อายุ 59 ปี เป็นคนจังหวัดแพร่ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 39 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นคนมีฝีมือ มีประวัติการทำงานที่ไม่ธรรมดา
เส้นทางการเติบโตชีวิตรับราชการจะเริ่มต้นและวนเวียนอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ในตำแหน่ง รอง สว.- รอง ผกก. ใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา
ก้าวหน้าตามลำดับเป็น ผบก.ภ.จว.พะเยา ถัดมา 1 ปี ขยับเป็นรอง ผบช.ภ.6 , รอง ผบช.ภ.5 ขยับนั่ง ผบช.ภ.5 และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในปี 2564 ส่วนอายุราชการนั้น พล.ต.ท.ประจวบ เหลือเวลาอีก 1 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2568
