ตำรวจสืบสวนนครบาลจับกุมหนุ่มวัย 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีบุกทำร้ายร่างกาย หลังตามง้ออดีตแฟนสาว มีการฉุดยื้อจนล้มหัวฟาดพื้น ส่วนรอบที่สองใช้ จยย.ขี่ตามชนจนอีกฝ่ายล้ม
วันนี้ (17 พ.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และชุดปฎิบัติการที่ 1 ร่วมกันจับกุมตัว นายนพฤทธิ์ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนา ตำบลบองอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1150/2567 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน บุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น สามารถจับกุมได้ที่เพิกพักไม่มีเลขที่ภายใน ซ.โกสุมร่วมใจ 43 แขวงและเขตดอนเมือง กทม.
โดยพฤติการณ์ในการจับกุมเมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายนพฤทธิ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ 1150/2567 ลงวันที่ 19 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน ทำร้ายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในบริเวณ ซอยโกสุมรวมใจ 43 จึงได้ดำเนินการสืบสวนติดตาม ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้พบเห็นนายนพฤทธิ์ อยู่ภายในบริเวณเพิกพักดังกล่าว และมีตำหนิรูปพรรณตรงบุคคลกับหมายจับ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบชื่อสกุลและหมายเลขบัตรประชาชนผลการตรวจสอบพบว่า เป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับจึงแสดงหมายจับให้ นายนพฤทธิ์ ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว แล้วรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อหาพร้อมทั้งแจ้งสิทธิ์ให้นายนพฤทธิ์ ทราบ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้พานายนพฤทธิ์นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาและให้การว่า ตนเองเคยคบหากับผู้เสียหายประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ขอเลิกลากับตนและไปมีแฟนใหม่ ทำให้ตนเกิดความเสียใจและเกิดอาการหึงหวง โดยเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนได้เข้าไปหาผู้เสียหายภายในห้องพัก ตั้งใจจะเข้าไปขอคืนดีกับทางผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายไม่ยอมคุยด้วยและเดินหนีตนจึงได้เดินตามไปง้อระหว่างที่ตนเดินตามไปง้อนั้นได้มีการฉุดยื้อและโต้เถียงกันอย่างรุนแรงจนทำให้ทางผู้เสียหายล้มลงละหัวกระแทกพื้น ตนเห็นท่าทางไม่ดีเลยวิ่งหนีออกไป หลังจากนั้นจึงวนกลับมาตามผู้เสียหายอีกหนึ่งรอบแต่ทางผู้เสียหายวิ่งหนีออกไปได้ทัน ตนจึงได้เดินทางกลับที่พัก ต่อมาวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ตนพบเห็นผู้เสียหายขับรถจักรยานยนต์บนถนนเส้นแจ้งวัฒนะ จึงได้ขับรถจักรยานยนต์ของตนตามเข้าไปชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายจนล้มลง และได้ขับหลบหนีออกมา
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ความรักที่มีรูปแบบผิดวิธี ในลักษณะตามราวีผู้เสียหายนอกจากเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับที่ผู้หญิงในการดำเนินชีวิตแล้ว ยังมีความตามกฎหมาย และมีโทษทางอาญาอีกด้วย