ร้อง อธ.อัยการสอบสวนสอบ"อัยการปรเมศวร์"ให้ข่าวกระทบคดีศึกนายตำรวจใหญ่ ในเวลาราชการหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ให้สอบสวนกรณี นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุมอัยการอาวุโส สำนักงานการสอบสวน ให้ความเห็นผ่านสื่อโทรทัศน์หลายครั้งในเวลาราชการ ซึ่งการเดินทางไปออกสื่อโทรทัศน์นั้นได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชาหรือไม่ เเละเป็นการให้ความเห็นที่ไม่ถูกต้องในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องกระบวนการทำสำนวนคดีนายตำรวจใหญ่ อันอาจเป็นการเสียหายต่อสำนักงานอัยการสูงสุดหรือไม่
โดยมีรายงานว่าขั้นตอนต่อไปอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวนจะมีการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาว่าเป็นกรณีมีมูลความผิดทางวินัยเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไปหรือไม่
โดยก่อนหน้านี้นายปรเมศวร์เคยให้ความเห็นทางคดีหลายครั้งโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งก็เคยมีการถูกร้องเรียนเรื่องกรณีเช่นนี้มาก่อน
ทั้งนี้ระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการให้ข่าวเเละบริการข่าวสาร ปี2564 ประกาศเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2564 ลงนามโดย นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อัยการสูงสุดในขณะนั้น สรุปสาระสำคัญที่น่าสนใจดังนี้
ข้อ 5 อัยการสูงสุดหรือผู้ที่อัยการสูงสุดมอบหมาย หรือโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด
สามารถให้ข่าวเกี่ยวกับการประชุม ก.อ. ข่าวเกี่ยวกับคดี ข่าวเกี่ยวกับนโยบายของอัยการสูงสุดหรือ
สำนักงานอัยการสูงสุด ข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติงานประจำและภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุด
หรือข่าวในลักษณะวิชาการหรือข้อมูลซึ่งสมควรเผยแพร่แก่ประชาชน และบริการข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับ
อัยการสูงสุดหรือสำนักงานอัยการสูงสุด โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดอาจขอให้พนักงานอัยการและหน่วยงานภายในส่งข้อมูล ข่าวสารและสนับสนุนการแถลงข่าวตามความจำเป็น รวมถึงแต่งตั้งคณะทำงานหรือบุคคลที่เห็นสมควร เพื่อร่วมดำเนินการในการประชาสัมพันธ์ได้ตามความเหมาะสม
ข้อ 6 ภายใต้บังคับข้อ 5การให้ข่าวและบริการข่าวสารอาจกระทำได้โดยบุคคลดังต่อไปนี้
(1) เลขานุการ ก.อ. เป็นผู้ให้ข่าวและบริการข่าวสารที่เกี่ยวกับการประชุม ก.อ.
(2) หัวหน้าหน่วยงานภายในหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานนั้น เป็นผู้ให้ข่าวและบริการข่าวสารที่เกี่ยวกับการปฏิบัติงานประจำและภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุดที่อยู่ในความรับผิดชอบ หรือข่าวในลักษณะวิชาการหรือข้อมูลซึ่งสมควรเผยแพร่ แก่ประชาชน
ข้อ 7 การให้ข่าวและบริการข่าวสารของสำนักงานอัยการสูงสุดที่อาจมีผลกระทบต่อการสั่งคดีและการดำเนินคดีไม่ว่าจะเป็นคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการของหนักงานอัยการหรือคดีที่กำลังหรืออาจจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของพนักงานอัยการจะกระทำมิได้ การให้ข่าวและบริการข่าวสารที่เกี่ยวกับคดีซึ่งอาจกระทบต่อนโยบายของรัฐบาล หรือนโยบายของสำนักงานอัยการสูงสุด ให้เป็นหน้าที่ของโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเท่านั้น โดยให้ขอ
ความเห็นชอบจากอัยการสูงสุดหรือผู้ที่อัยการสูงสุดมอบหมายก่อนให้ข่าวหรือบริการข่าวสาร เว้นแต่
อัยการสูงสุดจะสั่งเป็นอย่างอื่น และเมื่อให้ข่าวหรือบริการข่าวสารแล้ว ให้รายงานอัยการสูงสุดทราบทันที
ข้อ 9 การให้ข่าว แถลงข่าว และให้สัมภานณ์ต่อสื่อมวลชนควรระมัดระวังการใช้ถ้อยคำหรือกิริยาท่าทาง อันจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น ควรใช้ถ้อยคำที่เป็นกลางเพื่อไม่ให้เป็นการประจาน
หรือดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น และควรจัดเตรียมเอกสารข่าวแจกประกอบการแถลงข่าว โดยเอกสารข่าวนั้น
ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น เพื่อให้เกิดความชัดเจนฯ
ข้อ 10 เมื่อมีข่าวอันเกี่ยวกับกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน หรือข่าวอันอาจเกิดความเสียหายแก่สำนักงานอัยการสูงสุด ให้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดและบุคคลตามข้อ 6ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้น ๆ ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที แล้วรายงานผลให้อัยการสูงสุดทราบโดยเร็ว
ข้อ 11 โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดและบุคคลตามข้อ - มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาให้ข่าวของสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างรอบคอบ โดยเลือกใช้สื่อมวลชนตามความเหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อธำรงไว้ซึ่งความเชื่อถือของสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นสำคัญ กับเพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดหรือขัดแย้งกับ หน่วยงานอื่น หรือทัศนคติที่ไม่ดีต่อสำนักงานอัยการสูงสุดกรณีที่มีข่าวของสำนักงานอัยการสูงสุดขัดแย้งกัน หรือขัดแย้งกับหน่วยงานอื่นของรัฐ ให้โมษกสำนักงานอัยการสูงสุดและบุคคลตามข้อ 6 ที่เกี่ยวข้องกับข่าวนั้น ๆ เสนอตามลำดับชั้นเพื่อพิจารณาประสานการปฏิบัติเพื่อยุติข้อขัดแย้ง แล้วให้รายงานอัยการสูงสุดทราบโดยเร็ว พร้อมชี้แจงให้ประชาชนทราบ
ข้อ 12 การให้ข่าวของสำนักงานอัยการสูงสุดให้กระทำ ณ ที่ทำการของผู้ให้ข่าวหรือที่ตั้งสำนักงานอัยการสูงสุด หรือสถานที่อื่นที่เหมาะสม
ข้อ 13 กรณีข้าราชการฝ่ายอัยการ และบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดที่ไม่มีหน้าที่ในการให้ข่าวตามข้อ 5 เเละ6ประสงค์จะให้สัมภาษณ์ เป็นพิธีกร ผู้ดำเนินรายการ ร่วมสนทนาในรายการ หรือเข้าร่วมรายการต่าง ๆ ที่มีการนำเสนอผ่านสื่อมวลชนในด้านข่าวเกี่ยวกับการปฏิบัติงานประจำและภารกิจ ของสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ความรู้ ชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือดำเนินการอื่น ๆในทำนองเดียวกันจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอัยการสูงสุด หรือผู้ที่อัยการสูงสุดมอบหมาย ให้เสนอเรื่องผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นเพื่อขออนุญาต
ข้อ 14 กรณีข้าราชการฝ่ายอัยการ และบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุดประสงค์เผยแพร่ข้อความ ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงการเขียนเรื่อง บทความ ผ่านทางสื่อมวลชนให้กระทำได้
แต่ต้องอยู่ภายในขอบเขตของกฎหมายหรือระเบียบนี้ ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวต้องไม่เกิดความเสียหาย
หรืออาจกระทบกระเทือนต่อสำนักงานอัยการสูงสุด บุคคลใด หรือหน่วยงานใด โดยผู้เผยแพร่หรือผู้เขียนไม่มีหน้าที่รับผิดชอบ
ข้อ 15 ข้าราชการฝ่ายอัยการและบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งไม่มีหน้าที่ในการให้ข่าว ห้ามมิให้ให้ข่าว เว้นแต่ได้รับอนุญาตตามข้อ 13หรือเป็นการกระทำโดยชอบตามข้อ 14 การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง หรือข้อ 13หรือข้อ 14 ให้ถือว่าเป็นความผิดวินัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ หากเป็นการเปิดเผยความลับของทางราชการวันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง อาจถือว่าเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ข้อ 16ให้อัยการสูงสุดรักษาการตามระเบียบนี้
บรรดาระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ และคำสั่งอื่นใด ซึ่งขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ให้ใช้ระเบียบนี้แทน