ปปป.เรียกสอบเพิ่มหลัง ป.ป.ช.ส่งคดี 3 พ.ต.อ.กลั่นแกล้ง ออกหมายจับทนายปราบโกง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 13 พ.ค.67 ที่ชั้น 15 อาคารพิทักษ์สันติ กก.2 บก.ปปป. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พหลโยธิน จตุจักร กทม. นายกฤษฎา อินทามระ“ฉายาทนายปราบโกง” เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พรชัย เจียมพงศ์ไพศาล สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปปป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมหลังจาก ป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับไปให้ตำรวจ บก.ปปป.ดำเนินคดีกับ 3 ผกก.ตาม ม.157 ที่แจ้งความไว้เมื่อ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทนายกฤษฎา เปิดเผยว่า กรณีที่ตนถูกตำรวจ บก.ปปป.แสดงหมายจับของศาลจังหวัดปทุมธานี จ.203/2563 ลงวันที่ 15 ธ.ค.2563 ข้อหา ปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม อันมีโทษจำคุกถึง 10 ปี ก่อนจะให้ตำรวจ ภ.จว.ปทุมธานี มารับไปส่งที่ สภ.เมืองปทุมธานี ได้ประกันตัวในเวลาประมาณ 17.00 น.โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 100,000 บาท ซึ่งตนมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งออกหมายจับ
จึงต้องออกมาเรียกร้องขอความยุติธรรมให้กับตัวเอง โดยใช้สิทธิตามกฎหมายเพื่อดำเนินคดีกับนายตำรวจ ยศ พ.ต.อ.3 นาย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกหมายจับดังกล่าว โดย พงส.บก.ปปป.ได้สอบปากคำตนก่อนจะส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. ล่าสุดได้ ป.ป.ช.ได้พิจารณาแล้วส่งกลับมาให้ ปปป.ดำเนินคดีนี้
วันนี้จึงเรียกตนมาพบเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ตนขอยืนยันว่าพฤติการณ์ของ 3 พ.ต.อ.มีการกลั่นแกล้งออกหมายจับเพราะในการไปร้องขอให้ศาลออกหมายจับตำรวจไม่เคยมีหมายเรียกแต่อาศัยข้อกฎหมายที่ว่า ความผิดมีอัตราโทษเกินสามปีสามารถออกหมายจับได้โดยไม่ต้องมีหมายเรียกก่อน แต่เหตุที่ไปอ้างต่อศาลขอออกหมายจับนั้น ตำรวจอ้างว่าตนจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพบานนั้น ไม่เป็นความจริงเพราะตนเป็นผู้นำพยานบุคคล 4-5 ปากไปให้การพร้อมส่งมอบพยานหลักฐานให้กับ ผกก.ทั้ง 3 นายสอบปากคำ ส่วนตนก็ไปให้การเป็นพยานด้วย โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 5 ก.พ.64 ตนก็ประสานความร่วมมือกับตำรวจ สภ.เมืองปทุมธานี พาผู้ต้องหาที่ 1 ไปที่ สภ.เมืองฯ และพาตัวผู้ต้องหาที่ 1 ไปส่งตัวให้พนักงานอัยการจังหวัดปทุมธานีในวันเดียวกันด้วย แต่ตนก็ไม่ถูกจับกุมตามหมายจับ ทั้งที่หมายจับได้ออกมาก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63 นานร่วม 2 เดือน จึงแสดงให้เห็นว่าการออกหมายจับตนนั้น ผกก.ทั้ง 3 นายต้องการกลั่นแกล้งให้ตนได้รับความเสียหายเป็นกรณีพิเศษแต่ในความเป็นจริงแล้ว ตนก็ทำงานตามปกติเพื่อประโยชน์สาธารณะเรื่อยมานับตั้งแต่มีหมายจับฉบับนี้ออกมา โดยเฉพาะสื่อมวลชนก็มีการเสนอข่าวการทำหน้าที่ในการปราบปรามเจ้าหน้าที่รัฐหลายคดีนับตั้งแต่ปี 65-66 และเป็นข่าวไปทั่วประเทศ มีผู้สนใจติดตามข่าวการทำหน้าที่ของตนในการปราบปรามการทุจริตภาครัฐจำนวนมาก ดังนั้น พฤติการณ์ของ ผกก.ทั้ง 3 นายที่มีการร้องขอต่อศาลให้ออกหมายจับในครั้งนี้จึงมีข้อพิรุธอย่างยิ่ง ดังนั้นเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้ต้องหาโดยไม่เป็นธรรมแบบนี้เรื่อยไป ตนจึงต้องแจ้งความร้องทุกข์ที่ บก.ปปป.ดำเนินคดีกับ ผกก.ทั้ง 3 นายในข้อหาตามมาตรา 157 ให้ถึงที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้ พงส.บก.ปปป.จะออกหมายเรียก พ.ต.อ.ทั้ง 3 นายมาชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่ทนายปราบโกงกล่าวหาต่อไป
