กองปราบคุมทายาทสาว “แหนมดอนเมือง” โกงเงินเกือบ 400 ล้าน ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง ด้านเจ้าตัวอ้างไม่ได้เจตนาโกง วอนขอความเห็นใจไม่อยากติดคุก พร้อมชดใช้เงินทั้งหมดคืนบริษัท
วันนี้ (9 พ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. สั่งการให้ พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. เบิกตัว น.ส.นภษร หรือ ไข่มุก เนื้อเย็น อายุ 39 ปี และนายธชธร เนื้อเย็น อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาคดีโกงเงินบริษัท แหนมดอนเมือง เกือบ 400 ล้านบาท ออกจากห้องคุมขัง เพื่อนำตัวส่งฝากขังยังศาลอาญา เบื้องต้นพนักงานสอบสวนทำหนังสือยื่นขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองรายตลอดทั้งคืน ทั้งคู่ยังคงยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยอมรับเพียงว่านำเงินของบริษัทออกมาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกง พร้อมขอความเห็นใจจากผู้เสียหาย เพราะไม่อยากถูกดำเนินคดี และยินดีจะคืนเงินหรือทรัพย์สินมีค่าทั้งหมดที่ได้มาคืนให้กับทางบริษัท
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วิวัฒน์ ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว เร่งดำเนินการตรวจสอบจำนวนทรัพย์สินที่ตรวจยึดมาได้จากการเข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาและเครือญาติ เพื่อสรุปจำนวนส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ดำเนินการตรวจสอบที่ไปที่มาของทรัพย์สินให้แน่ชัดว่าได้มาจากการกระทำผิดหรือไม่
ทั้งนี้ สำหรับทรัพย์สินที่ตรวจยึดและอายัดมาได้นั้น ประกอบด้วย หุ้นกู้และประกัน มูลค่า 200 ล้านบาท พระเครื่อง 30 กว่าองค์ มูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท โฉนดที่ดิน 24 แปลง บ้านหรู บ้านพักตากอากาศ บ้านสวน และ คอนโด หลายแห่ง ทองคำน้ำหนัก 520 บาท มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท และ รถหรู 5 คัน รวมถึงเงินสด 2.5 ล้านบาท
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน กก.2 บก.ป. ได้นำตัว นายธชธร อายุ เนื้อเย็น อายุ 41 ปี และ น.ส.นภษร หรือ ไข่มุก เนื้อเย็น อายุ 39 ปี สองสามีภรรยา ผู้ต้องหาคนสำคัญคดีฉ้อโกงทรัพย์บริษัท แหนมดอนเมือง จำกัด เกือบ 400 ล้านบาท มายื่นคำร้องฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 9-20 พ.ค.นี้
โดยต้องรอสอบพยานเพิ่มเติมอีกหลายปาก รอผลการตรวจประวัติอาชญากรผู้ต้องหา รอผลการตรวจพิสูจน์ทรัพย์สินของกลางในคดี และอื่นๆ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ฉ้อโกงทรัพย์สินไปจริง แต่ขาดเจตนา
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากทรัพย์สินของกลางในคดีมีมูลค่าสูง เกรงว่า หากปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสองจะหลบหนี
ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้ว ไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้
ขณะเดียวกัน ไม่มีญาติผู้ต้องหามายื่นคำร้องและหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวทั้งสองไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง