MGR Online - รมว.ยุติธรรม ร่วมภาคี เดินหน้าแก้หนี้ประชาชน กำชับยุติธรรมจังหวัด ขับเคลื่อนนโยบาย มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ให้โอกาสทางการศึกษา
วันนี้ (8 พ.ค.) ณ โรงแรมเบสท์เวสเทิร์น พลัส แวนด้า แกรนด์ จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายแก้หนี้ประชาชน และมอบนโยบาย การจัดมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม โดยมี นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะผู้บริหารกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้การต้อนรับ และ น.ส.เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน
ทั้งนี้ มีผู้แทนยุติธรรมจังหวัดจากทั่วประเทศ และ ผู้แทนกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมทั้งผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย ประชุมร่วมกัน โดยเป็นการระดมความคิดเห็นการทำแผนการจัด มหกรรมแก้หนี้สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สำหรับการจัดประชุมวันนี้เป็นการประชุมวันที่สองต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ (7 พ.ค.)
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม มีบทบาทให้ความเป็นธรรม ทั้งในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ทางแพ่ง การบริหารงาน ทางการปกครอง ยังครอบคลุมไปถึงการดูแลแก้ปัญหาเรื่องสิทธิ เช่น คดีเงินกู้ กยศ.ที่มีการแก้กฎหมายไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งผู้ค้ำประกันที่อาจจะถูกยึดทรัพย์หรือขายทอดตลาด ซึ่งต้องมีการปรับโครงสร้างหนี้ ปัจจุบันมีผู้ค้ำประกันในการกู้ กยศ.จำนวนกว่า 3 ล้านคน ถูกบังคับคดีไปแล้วกว่า 9 แสนคดี หน้าที่ของยุติธรรมจังหวัดต้องให้ประชาชนรับรู้ถึงสิทธิและใช้สิทธิในการปลดหนี้ ซึ่งจากการจัดกิจกรรมมหกรรมแก้หนี้พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ค้างหนี้ กยศ.จำนวนมาก กระทรวงยุติธรรมต้องให้การช่วยเหลือในสิทธิตามกฎหมายของประชาชน ไม่ให้ต้องถูกยึดทรัพย์หรือนำที่อยู่อาศัย ที่ทำกินขายทอดตลาด
พ.ต.อ.ทวี กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น การศึกษา ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องจบการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้น ในเรือนจำพบว่าผู้ต้องราชทัณฑ์ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานต่ำกว่างบประมาณของกระทรวงศึกษาได้ตั้งไว้ หน้าที่ของหน่วยงานจะต้องให้การศึกษาเป็นสำคัญเพราะการให้การศึกษาได้มีความรู้มีอาชีพจะช่วยแก้ปัญหาฐานรากได้ พร้อมย้ำให้หน่วยงานสำรวจในพื้นที่หากพบผู้ที่ตกหล่นยังไม่ได้รับการศึกษาต้องให้การช่วยเหลือแจ้งไปยังหน่วยงานทึ่เกี่ยวข้อง
พ.ต.อ.ทวี เน้นย้ำเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดต้องแก้ที่ครอบครัว ชุมชนหมู่บ้าน ว่า ถ้าครอบครัวเข้มแข็งชุมชนเข้มแข็ง รัฐมีการปราบปรามอย่างจริงจังเชื่อว่าจะเห็นผลอย่างมีนัยยะสำคัญโดยเร็ว ขณะที่ผู้ที่ถูกคุมประพฤติแต่ศาลไม่ได้มีคำสั่งให้บำบัดรักษา จะต้องออกมาตรการส่วนนี้ด้วยเนื่องจากเป็นช่องว่างทางกฎหมายที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดไม่ได้บัญญัติไว้ซึ่งตัวเลขของผู้ที่ถูกคุมประพฤติในแต่ละปีมีมากถึง 1 แสนราย หากได้รับการบำบัดรักษาจะช่วยลดปัญหายาเสพติดได้
“ยุติธรรมจังหวัดต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ให้ประชาชนรู้สึกว่ายุติธรรมเป็นของเราถ้าเป็นของเราแสดงว่าเขามีความศรัทธา“ รมว.ยุติธรรม กล่าว