ศาลอาญามีนบุรีสั่งจำคุก 4 จำเลยบุกรุกบ้านอากู๋คนละ1 ปี 6 เดือนปรับ 2.2 หมื่น สารภาพลดโทษเหลือจำคุกคนละ 9 เดือน ปรับ 1.1หมื่นบาท ให้รอลงอาญา 2 ปี
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (7 พ.ค.)ที่ห้องพิจารณา 203 ศาลอาญามีนบุรี ถนนสีหบุรานุกิจ ศาลอ่านคำพิพากษา คดีอ.1183/2567 ที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญามีนบุรี 1 ยื่นฟ้องน.ส.ศรีพรรณ สามัคคี , นางนิตยา สามัคคี นายพลกฤษณ์ ทองคำ และ น.ส.มาลี คินน้อย รวม 4 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานบุกรุก,ทำให้เสียทรัพย์ และลักทรัพย์
กรณีจำเลยทั้งหมดบุกรุกบ้านของอากู๋ และอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์เป็นของตนเอง ก่อนจะย้ายออกไปเมื่อปลายปี 2566 และลักลอบกลับเข้ามาอ้างสิทธิ์การครอบครองปรปักษ์อีกครั้ง จึงได้มีการเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม เหตุเกิดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยรามอินทรา 58 กทม.
โดยจำเลยทั้งสี่ได้รับการประกันตัว ด้วยวงเงินคนละ 50,000 บาท
ช่วงเช้าวันนี้อัยการโจทก์และทนายความโจทก์ร่วม จำเลยทั้ง 4 คนพร้อมทนายความ เดินทางมาฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อระหว่างปี 2560-2566 จำเลยทั้งสี่ได้บุกรุกเข้าไปยังบ้านหลังที่เกิดเหตุ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีใครอยู่ เพื่อจะเข้าไปต่อเติมสิ่งปลูกสร้างและอยู่อาศัย แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ามีการบุกรุกในตอนกลางวันหรือกลางคืน จึงต้องฟังให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าเป็นการบุกรุกในเวลากลางวัน เเละไม่ได้เป็นการกระทำความผิดโดยบุกรุกอย่างต่อเนื่อง พิพากษาว่า ตำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335 ,365 ประกอบมาตรา 83 การกระทำความผิดเป็นการกระทำกรามเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานบุกรุกจำคุก6 เดือนปรับ 2 พันบาท เเละความผิดฐานลักทรัพย์จำคุกคนละ1ปีปรับคนละ2 หมื่นบาท จำเลยทั้ง 4 ให้การรับสารภาพลดกึ่งหนึ่งฐานบุกรุกคงจำคุก 3 เดือนประบ1พันบาท ลดโทษกึงหนึ่งฐานลักทรัพย์คงจำคุก 6 เดือนปรับ 1 หมื่นบาท รวมโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คงจำคุก9 เดือนปรับ 1.1 หมื่นบาท พิเคราะห์เเล้วเห็นว่าจำเลยทั้ง4 อายุมากเเล้วเเละจำเลยยังร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1 ล้านบาทจนเป็นที่พอใจของผู้เสียหายเเล้วจึงเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกจึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ฝนส่วนข้อหาทำให้เสียทรัพย์ซึ่งเป็นคดียอมความกันได้ทางโจทก์ร่วมขอถอนฟ้องไม่ติดใจเอาความ
น.ส.อำนวยพร มณีวรรรณ์ หรือทนายกุ้ง ทนายความผู้เสียหายกล่าวว่า วันนี้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้เสียหายชนะคดี ในข้อหาฐานบุกรุก,และลักทรัพย์ รวมโทษที่ลดเเล้ว จำคุก 9 เดือน ปรับ 1.1 หมื่นบาท ในส่วนทำให้เสียทรัพย์โจทก์ร่วมถอนฟ้อง ศาลเมตตาเนื่องจากเห็นว่าไม่เคยกระทำผิดเเละจำเลยสูงอายุจึงให้รอลงอาญา 2 ปีหลังจากนี้คดีก็จะจบลงที่ศาลชั้นต้นเนื่องจากทางผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ ซึ่งตอนนี้จำเลยก็ชดใช้ค่าเสียหายในส่วนคดีครอบครองปรปักต์ที่ฝ่ายจำเลยยื่นคำร้องก็มีการถอนคำร้องไปก่อนหน้านี้
นายซัน หลานอากู๋ เดินทางมาพร้อม น.ส.สโรชา ภรรยา โดยน.ส.สโรชากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนของคนกระทำเเบบนี้ สิ่งที่มันผิดฎหมายที่เราควรรู้ว่าการไปยุ่งของๆคนอื่นก็ควรมีบทลงโทษไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม