รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 วันจันทร์ที่ 6 พฤษภาคม 2567 นำเสนอรายงานพิเศษ เพื่อไทยจัดทัพ ครม. ยุคเก่าไป-ใหม่มา ส่งทายาทสู้ก้าวไกล
ซาไปแล้ว กับปม ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ พหิทธานุกร ตัดสินใจลาออกจาก รมว.ต่างประเทศ ทั้งที่เพิ่งมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
สาเหตุที่จบไว ส่วนหนึ่งเพราะ ดร.ตั๊ก ไม่ได้เป็นคีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีกลุ่มก้อน จนจะเกิดแรงกระเพื่อม แต่ได้เข้าสู่เก้าอี้รัฐมนตรีในโควตาสายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า
ตรงกันข้าม สส.ภายในพรรคเพื่อไทยกลับยิ่งดีใจเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้มอง ดร.ตั๊ก เป็นคนในพรรคตั้งแต่แรก และมองในแง่ลบมาตลอดว่า ไม่เคยร่วมทุกข์ในยามคับขัน แต่ชอบเป็นพระเอกตอนรบชนะแล้ว
บางคนมอง ปานปรีย์ มานั่งกินตำแหน่ง เปลืองโควตารัฐมนตรี แทนที่จะเป็นคนในพรรคได้นั่ง ฉะนั้น จึงไร้แรงกระเพื่อมในพรรคโดยสิ้นเชิง
ไม่แปลกที่จบเร็ว เพราะคนแค่ต้องการอยากรู้ว่า ลาออกเพราะอะไร ไม่ได้มองถึงแรงกระเพื่อมภายในพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใดเลย
ส่วนสาเหตุของการลาออก หลักใหญ่ใจความคือ การถูกลดชั้น หั่นเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรีออก เหลือแค่เจ้ากระทรวงบัวแก้วอย่างเดียว
ในมุม ปานปรีย์ มองคนละมิติกับของนักการเมืองมืออาชีพ โดยนักเลือกตั้ง ไม่ได้พิศวาสกับเก้าอี้รองนายกฯสักเท่าไหร่ เพราะเห็นว่า เป็นตำแหน่งขาลอยถ้าไม่ได้ควบกระทรวง สู้ไปอยู่กระทรวง เป็นผีมีศาล บริหารกรมกองดีกว่าเยอะ เหมือนกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกฯ ที่แฮปปี้มากที่ได้ไปเป็น รมว.สาธารณสุข ไม่รำพึงรำพรรณกับตำแหน่งรองนายกฯแต่อย่างใด ซ้ำยังใจดีด้วยซ้ำ
ต่างกับของ ปานปรีย์ ที่พื้นฐานครอบครัวอยู่ในตระกูลชนชั้นสูง เน้นหน้าตาทางสังคม มากกว่าผลประโยชน์ในกระทรวงนั้นๆ
พอเหลือเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศตัวเดียว มันเหมือนถูกลดชั้น จากผู้นำหัวโต๊ะในบอร์ดต่างๆ มีรัฐมนตรีในกำกับดูแล วันหนึ่งต้องไปเป็นผู้ใต้บังคับบัญชารองนายกฯคนใหม่ มันเป็นอะไรที่ยากจะรับได้
คนอื่นอาจมองไม่สำคัญ แต่คนอย่าง ปานปรีย์ ที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อติดเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนกลางเมื่อหลายปีก่อนตอนประเทศวิกฤติ ยากที่จะรับได้
แต่เอาเป็นว่า ที่แล้วก็แล้วกันไป เพราะวันนี้รัฐบาลได้ รมว.ต่างประเทศคนใหม่ ทูตปู มาริษ เสงี่ยมพงษ์ สายตรง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน มาแล้ว ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร
ไม่กระเพื่อม ไม่อะไรทั้งนั้น มีแค่เรื่องโกรธเคืองกันเฉพาะตัวบุคคล
อีกรายที่กำลังร้อนฉ่าคือ พิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้นั่งเสนาบดีสมใจ จากที่รอบแรกติดเบรก ยังไม่ฝ่ากระแสร้อน กลัวแรงต้านถาโถมในช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ ซึ่งเป็นจังหวะเปราะบาง แต่มารอบนี้สุดท้ายก็ไม่รอด ขี่สายล่อฟ้า เรียกแขกให้ ครม.เศรษฐา 1/1 ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน
เป็นไปตามคาด กับประเด็นถุงขนม เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ที่เจ้าตัวยืนยันถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่ได้ต้องคำพิพากษา แต่เป็นแค่การละเมิดอำนาจศาล ไม่ขัดคุณสมบัติรัฐมนตรีที่ต้องห้ามพวกต้องคำพิพากษา
แต่วันนี้แนวต้าน งัดคุณสมบัติเรื่องจริยธรรม และสุจริตเป็นที่ประจักษ์ มาตั้งแท่น ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ ดูแล้วน่าจะอีกสักพักคงรู้เรื่อง
ซึ่ง พิชิต และทีมงาน คงไม่ได้พะว้าพะวงสักเท่าไหร่ เพราะก่อนเสนอรายชื่อไปก็เช็กทางลมมาแล้วจนแน่ใจ ผ่านหลายด่านมาถึงชั้นนี้ ไม่มีอะไรต้องวิตก
ไม่แน่อาจดีด้วยซ้ำ ถ้าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นคุณ ถือเป็นการตีตั๋วยาว ขจัดข้อสงสัยกันในเรื่องนี้ไปเลย จะได้ไม่เอามาเป็นปมด้อยค่า ถากถาง ค่อนแคะกันอีก
แล้วมาถึงตรงนี้ คงไม่ได้จิตตกอะไร ต่อให้เป็นเสนาบดีไม่ได้ตลอดชีวิต แต่ก็ยังเป็นคนสำคัญของบ้านจันทร์ส่องหล้า ในฐานะทนายความประจำตระกูล ที่สู้ถวายหัว เปลืองเนื้อเปลืองตัว จนเครดิตทางสังคมติดลบ คนอย่าง พิชิต ไม่มีตกงาน มีแค่จะอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลังเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ประเมินภาพรวม ครม.เศรษฐา 1/1 ครั้งนี้ กับการมีชื่อ น้องน้ำ จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง สายคนรุ่นใหม่มาต่อเติม กับอดีตหัวหน้าพรรค นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต รมว.สาธารณสุข เจ๊แจ๋น พวงเพ็ชร ชุนละเอียด อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่กระเด็นกระดอนไป ต้องปรับมุมคิดกลยุทธ์การต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยใหม่
จากเดิมเป็นระบบ ต่างตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ วันนี้ เป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสม ไม่ได้เอาแค่ต่างตอบแทนตามโควตา แต่เป็นระบบผสมภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่
เป็นการปรับ ครม. แบบเปลี่ยนผ่าน รอการเลือกตั้งครั้งหน้า โฟกัสไปที่ศึกประจันหน้ากับพรรคก้าวไกลแล้ว
เป็นการปูทาง ปรับภาพลักษณ์พรรคใหม่ ให้ดูทันสมัย เข้ากับสถานการณ์ทางการเมือง
การเอา จิราพร และ เผ่าภูมิ นักการเมืองรุ่นใหม่ หน้าตาดีมา เป็นการค่อยๆ ดันคนรุ่นใหม่มาประชันกับพรรคก้าวไกล ให้ได้โชว์ฝีมือว่า เครื่องจักรสีแดงก็มีของดีไม่แพ้เครื่องจักรสีส้ม
ไม่ได้มีแต่คนรุ่นเก่านั่งใน ครม.อย่างเดียว
และเป็นการค่อยๆ ปรับเพื่อรองรับ อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เตรียมจะมารับไม้ต่อในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า
เป็นการฝึกปรือทีมงาน ผ่องถ่าย เปลี่ยนผ่าน ไปสู่ยุค นายหญิงแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เติมประสบการณ์ เติมเลเวลให้ทีมงานในอนาคต
มันทำให้เห็นทิศทางครั้งหน้าว่า พรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้ง ไม่ได้โชว์แค่ อุ๊งอิ๊ง แต่มีทีมงานที่รุ่นราวคราวเดียวกันอยู่ในทีม
พวก สส.ลายครามต้องหลบกันหลายพื้นที่ สู่ยุคดันลูกดันหลานเต็มตัว มาเจอกับพรรคก้าวไกล
--------------------------------
**หมายเหตุ
แอป Sondhi App ดาวโหลดได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android