MGR Online - เลขาธิการ ปปง. เผยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดวงจรบัญชีม้าแล้ว เป็นบุคคล 33,359 ราย จำนวน 324,607 บัญชี มูลค่า 923 ล้านบาท พร้อมคุมเข้มเปิดบัญชีธนาคาร
วันนี้ (24 เม.ย.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. พร้อมด้วย นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. และ คณะรองโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ร่วมแถลงผลการดำเนินการป้องกันและปราบปรามขบวนการเปิดบัญชีม้า
นายเทพสุ เปิดเผยว่า สำนักงาน ปปง. เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนและผลักดันการแก้ไขอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบัญชีม้าร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ การเสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กำหนดให้สถาบันการเงินมีหน้าที่อายัดบัญชีที่ตรวจพบว่ารับโอนเงินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดหรือเป็นบัญชีม้า และกำหนดความผิดอาญาฐานรับจ้างเปิดบัญชีม้า
นายเทพสุ เผยว่า ต่อมา สำนักงาน ปปง. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันเสนอต่อรัฐบาลที่แล้วให้มีการออกพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อกำหนดให้สถาบันการเงินและผู้ให้บริการบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ มีหน้าที่อายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและบัญชีม้า รวมทั้งกำหนดให้การรับจ้างเปิดบัญชีม้าเป็นความผิดอาญา อันเป็นหลักการเดียวกันกับหลักการที่สำนักงาน ปปง. เคยเสนอไว้
นายเทพสุ เผยอีกว่า ปปง. ยังร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งศูนย์ AOC 1441 เพื่อให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์สำหรับประชาชน โดยมีเป้าหมายในการระงับ อายัดบัญชีของคนร้ายให้ผู้เสียหายทันที ติดตามสถานะการแก้ไขปัญหาให้ผู้เสียหายทุกขั้นตอน เร่งการคืนเงินให้ผู้เสียหาย และเพิ่มประสิทธิภาพการจับกุม ดำเนินคดีและการขยายผลคดี ซึ่งจากสถิติข้อมูลที่ศูนย์ AOC ได้รับเรื่องเพื่อประสานให้ระงับธุรกรรมกับธนาคาร 16 แห่ง (ข้อมูลวันที่ 1 ต.ค.66 – 31 มี.ค.67) บัญชีม้าถูกอายัด จำนวน 140,819 บัญชี และจำนวนเงินที่ระงับธุรกรรมได้ จำนวน 4,034,777,117 บาท
"อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีรายชื่อบุคคลแล้วรวม 33,359 ราย และจำนวนบัญชีที่ถูกจำกัดช่องทางการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว 324,607 บัญชี ต้องมาทำธุรกรรมหน้าเคาเตอร์ธนาคารเท่านั้น มูลค่าเงินในบัญชี รวมทั้งสิ้น 923,991,374.23 บาท โดยตั้งเป้าหมายการแก้ปัญหาบัญชีม้า ภายในสิ้นปี 2567 ให้ครบจำนวน 1 ล้านบัญชี"
ด้าน นายพีรธร วิมลโลหการ ผู้อำนวยการกองกำกับและตรวจสอบ ปปง. กล่าวว่า กรณีการรับจ้างเปิดบัญชีม้า สำนักงาน ปปง. ขอแจ้งเตือนประชาชน ดังนี้ (1) ท่านจะถูกดำเนินคดีฐานรับจ้างเปิดบัญชีม้าตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มีโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (2) ผู้ที่ถูกนำบัญชีไปใช้จะถูกดำเนินคดีในฐานะตัวการร่วมหรือผู้สนับสนุนตามฐานความผิดที่คนร้ายนำบัญชีของท่านไปใช้ เช่น ฉ้อโกง กรรโชก รีดเอาทรัพย์ หรือความผิดทางอาญาอื่นใด
นายพีรธร กล่าวอีกว่า (3) ท่านจะมีประวัติอาชญากรรมติดตัว ส่งผลต่อการไปสมัครงานหรือสมัครเรียนในอนาคตอย่างแน่นอน (4) ท่านจะถูกดำเนินคดีหลายท้องที่ ต่างกรรม ต่างวาระ ตามพื้นที่ที่ผู้ร้ายนำบัญชีของท่านไปใช้ (5) ท่านจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากผู้เสียหายที่เป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ (6) หากบัญชีของท่านถูกใช้ในการกระทำความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ท่านจะถูกตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินและถูกยึดทรัพย์ และ (7) หากบัญชีของท่านถูกใช้ในการโอนหรือรับโอนทรัพย์สินเพื่อช่วยฟอกเงินให้กับคนร้าย ท่านจะถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเพิ่มเติมอีกฐานหนึ่งข้อหานอกเหนือจากข้อหารับจ้างเปิดบัญชีด้วย
นายพีรธร กล่าวต่อว่า สำนักงาน ปปง. ได้หารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อกำหนดแนวทางในการเปิดบัญชีธนาคาร โดยเฉพาะการสร้างเงื่อนไขในการเปิดบัญชีให้ยากขึ้นเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ เพื่อให้ลูกค้ามีบัญชีเท่าที่จำเป็น อันเป็นการยกระดับมาตรการรู้จักลูกค้า (KYC) ให้เข้มขึ้น ตั้งแต่ในชั้นการขอเปิดบัญชีและการขอเปิดบัญชีเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว โดยต้องระบุวัตถุประสงค์ของการเปิดบัญชีใหม่ให้มีความชัดเจนว่าจะนำไปใช้ทำธุรกรรมใด อันเป็นการป้องกันการรับจ้างเปิดบัญชีม้า และเมื่อพบธุรกรรมต้องสงสัยสถาบันการเงินต้องพิจารณาระงับธุรกรรมนั้น ตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 รวมทั้งให้รายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัยมายังสำนักงาน ปปง. โดยมาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการคู่ขนานกับกรณีที่ กสทช. ออกประกาศกำหนดให้ผู้ถือครองซิมจำนวนมากตั้งแต่ 6 เลขหมายขึ้นไปมายืนยันตัวตนโดยประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.67 เป็นต้นไป
"หากผู้ถือครองซิมการ์ดรายใดไม่มายืนยันตัวตนในระยะเวลาที่กำหนด หมายเลขจะถูกระงับการใช้งานและถูกเพิกถอนการใช้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมออนไลน์ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์, บัญชีม้า และภัยจากออนไลน์ทุกรูปแบบที่ต้องผ่านการใช้ซิมโทรศัพท์จำนวนมาก ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงาน ปปง. ในฐานะหน่วยงานกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินจะดำเนินการกับสถาบันการเงินที่ปล่อยปละละเลยต่อมาตรการดังกล่าวตามกลไกของกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัดต่อไป"