MGR Online - ดีเอสไอ ร่วมส่วนราชการจังหวัดกระบี่ ตรวจสอบสภาพโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม ของกลางในคดีทุจริตและยักยอกทรัพย์ เตรียมนำมาใช้ประโยชน์ในราชการ
วันนี้ (23 เม.ย.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วานนี้ (22 เม.ย.) ได้มอบหมายให้ พ.ต.ต.จตุพล บงกชมาศ ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร ผู้อำนวยการกองปฏิบัติการพิเศษ , ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค พร้อมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยมี นายอนุวรรตน์ โหมดพริ้ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และหน่วยงานราชการในจังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ นิคมสหกรณ์อ่าวลึก นิคมสหกรณ์คลองท่อม กรมราชทัณฑ์ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดกระบี่ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมชลประทาน นาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 426 และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกระบี่ ร่วมกันเข้าตรวจสอบของกลางที่ได้ถูกอายัดไว้ในคดีพิเศษที่ 56/2566
กรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด ประกอบด้วย โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม เครื่องจักรกล และทรัพย์สินภายในอาคารโรงงานตามบัญชีของกลางคดีอาญา ณ ต.คลองท่อมเหนือ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ซึ่งมี บริษัท กระบี่วิเศษ น้ำมันปาล์ม จำกัด เป็นผู้ใช้ประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.65 เป็นต้นมา
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า โดยในการตรวจสอบครั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด ผู้ใช้ของกลางให้เตรียมโรงงานให้อยู่ในสภาพครบถ้วนสมบูรณ์ ภายในวันที่ 21 เม.ย.67 เพื่อคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ให้วิศวกรโรงงาน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเครื่องจักรกลจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกระบี่ ร่วมตรวจสอบเครื่องจักรกลของกลางทุกชิ้น โดยมีตัวแทนกรรมการผู้จัดการ บริษัท กระบี่วิเศษน้ำมันปาล์ม จำกัด เป็นผู้นำตรวจสอบ
“ผลการตรวจสอบพบว่าของกลางถูกต้องครบถ้วน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ปิดป้ายบริเวณพื้นที่โรงงานประกาศว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นของกลางในคดี เพื่อจะได้ดำเนินการตามระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการนำของกลางออกขายทอดตลาดหรือนำไปใช้ประโยชน์ของทางราชการ พ.ศ. 2547 ต่อไป”
ทั้งนี้ กรณีการทุจริตและยักยอกทรัพย์ในชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่จำกัดดังกล่าว แต่เดิมกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 215/2565 และตรวจยึดโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มคลองท่อม ตลอดจนเครื่องจักรและทรัพย์สินในโรงงานดังกล่าวเป็นของกลางในคดี จากการสืบสวนสอบสวนน่าเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บางราย ร่วมกันทุจริตทำให้ชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ธนาคารเพื่อการการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานะเจ้าหนี้ ได้รับความเสียหาย จึงส่งสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ประชุมพิจารณาสำนวนคดีแล้วมีมติมอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป โดยรับเป็นคดีพิเศษที่ 56/2566 ซึ่งมี ร.ต.อ.ชาญณรงค์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว
โดยหลังจากนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 56/2566 จะได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและจะทำหน้าที่ประสานงานและจัดการประชุม ร่วมระหว่างชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ ธ.ก.ส. และบริษัท กระบี่วิเศษ น้ำมันปาล์ม จำกัด เพื่อหาแนวทางและข้อตกลงในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกัน เพื่อประโยชน์ต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในจังหวัดกระบี่และพื้นที่ใกล้เคียง
เนื่องจากเป็นคดีนโยบายที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ความสำคัญได้สั่งการให้อำนวยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ พ.ต.ต.ยุทธนา ได้กำชับให้ทำการสอบสวนอย่างรอบคอบ รัดกุมและรวดเร็วเพราะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์เป็นอย่างมาก และให้พิจารณานำของกลางมาใช้เพื่อประโยชน์ในทางราชการ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 28 อันเป็นที่มาของการดำเนินการในเรื่องนี้