ผัวช็อกพบเมียทิ้งศพทารกแรกเกิดไว้ในกระเป๋า ก่อนหลบหนีไป

หนุ่มจะใช้กระเป๋าเดินทาง เปิดดูพบศพทารกอายุประมาณ 6-9 เดือน ห่ออยู่ในถุงพลาสติกใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง อ้างไม่รู้เมียแท้งแล้วนำมาใส่ไว้ก่อนหลบหนีไป

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 18 เม.ย. ร.ต.อ.ทิตติพงษ์ พุฒินาถวรพงษ์ รอง สว.(สอบสวน)สน.วัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุพบศพทารกแรกเกิด เหตุเกิดที่ฟอร์ยู อพาร์ตเมนต์ ซอยเจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. รุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวรนิติเวช รพ.จุฬาฯ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว มีความสูง 7 ชั้น พบศพเด็กแรกเกิดไม่ทราบเพศ อายุในครรภ์ประมาณ 6-9 เดือน สภาพเน่าเสียชีวิตมาประมาณ1 เดือน ใส่ถุงพลาสติกสีแดงสวมทับด้วยถุงขยะสีดำใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทางแบบมีล้อ สีดำ ภายในกระเป๋ายังพบเสื้อผ้าบางส่วน

จากการสอบสวนนายชูศักดิ์ ใสสม หรือฝาง อายุ 41 ปี ให้การว่า ตนทำงานเป็นเชฟทำอาหารอยู่บ้านเจ้านายย่านซอยอารีย์ อยู่กินกับน.ส.ปนัดดา คำกองแก้ว อายุ 30 ปี ภรรยามาเกือบ 6 ปี ทั้งคู่เป็นคนจ.พะเยาว์ มีลูกชาย อายุ 5 ขวบ ด้วยกัน1 คน อยู่กับปู่ย่าที่จ.พะเยาว์ตนและภรรยามาเช่าพักอยู่ที่ห้อง 419 ชั้น4 ฟอร์ยูอพาร์ตเมนต์นานเกือบปีแล้วภรรยาไปสมัครทำงานแม่บ้านที่ไหนก็อยู่ได้ไม่นานเพราะทำตัวไม่ดีช่วงหลังจึงไม่ได้ทำงานอะไรและหนีออกไปจากห้องช่วงวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าหนีตามผู้ชายคนใหม่ไป

ก่อนเกิดเหตุตนต้องการใช้กระเป๋าเดินทางใบดังกล่าว วางไว้ที่ใต้โต๊ะเครื่องแป้งในห้องพอเปิดกระเป๋าพบเสื้อผ้าและพบถุงขยะดำในถุงขยะดำมีถุงพลาสติกสีแดงเปิดออกดูมีกลิ่นเหม็นมากลักษณะเหมือนซากศพ ตนทำอะไรไม่ถูกรีบโทรหาเจ้านายที่เป็นนายจ้าง บอกให้ตนถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานก่อนแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ แต่ตนเองรีบไปทำงานจึงบอกให้รปภ.นำกระเป๋าใบดังกล่าวลงมาวางที่หน้าอพาร์ตเมนต์ด้านล่าง

"ผมไม่รู้เลยว่าแฟนตั้งครรภ์ ท้องก็ไม่ใหญ่ไม่มีอาการแพ้ท้องให้เห็น ที่ผ่านมานอนอยู่ที่ห้องไม่ได้กลิ่นเหม็นอะไร หรือมีลางบอกเหตุอะไร "นายชูศักดิ์กล่าว

ด้านร.ต.อ.ทิตติพงษ์ เจ้าของคดีกล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าน.ส.ปนัดดา ตั้งครรภ์อาจแท้งลูกกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น จึงนำศพทารกแรกเกิดใส่ถุงยัดไว้ในกระเป๋าก่อนหลบหนีไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัวน.ส.ปนัดดามาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนศพให้มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งชันสูตรที่นิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ก่อนมอบให้ญาติรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามพิธีทางศาสนาต่อไป