รรท.ผบ.ตร. พร้อมตรวจสอบกรณี "ส.ส.โรม" แฉข้อมูล "พล.ต.ต.กับร.ต.ต." เอี่ยวธุรกิจกาสิโนประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ล้มเหลว ย้ำหากกล่าวหาไม่มีหลักฐาน คนถูกพาดพิงมีสิทธิฟ้องได้
วันนี้ (5 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้อภิปรายว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พล.ต.ต.และ ร.ต.ต. เข้าไปเป็นหุ้นส่วนกับบ่อนกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน ส่งผลให้การปราบปรามขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านไม่สามารถทำได้อย่างจริงจัง ว่า หากมีข้อมูลเกี่ยวกับตำรวจที่กระทำผิดก็สามารถแจ้งข้อมูล หลักฐานหลักฐานที่ชัดเจนมาได้ ซึ่งตำรวจมีกระบวนการตรวจสอบ เช่น คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ตร.) เพื่อสืบสวนและดำเนินการทั้งทางอาญาและวินัย ส่วนที่มีการระบุเป็นชื่อย่อนั้นก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับบุคคลดังกล่าวด้วย ย้ำว่าการให้ข้อมูลในเรื่องใดก็ตามผู้พูดต้องรับผิดชอบ หากมีหลักฐานในการร้องเรียน กร.ตร.ก็พร้อมตรวจสอบ แต่หากกล่าวหาโดยไม่มีพยานหลักฐานผู้ถูกพาดพิงก็สามารถใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายได้
เมื่อถามว่าในฐานะผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากมีการร้องเรียนมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะมีจเรตำรวจแห่งชาติที่จะดำเนินการตามกฎ ก.ตร. และตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย
"ยอมรับว่าภาพลักษณ์ของตำรวจที่ติดลบนั้นเป็นเรื่องจริง และการมีข่าวข้าราชการตำรวจพัวพันกับสิ่งผิดกฎหมายนั้นก็เป็นเรื่องที่ส่งกระทบกับภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะทำให้ตำรวจถูกเหมารวม แต่ยืนยันว่าข้าราชการตำรวจที่ดีนั้นมีจำนวนมาก" รรท.ผบ.ตร. กล่าว และว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดจะผลักดันบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องระดับนโยบาย ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ถ้าหากประกาศเป็นกฎหมายตำรวจในฐานะผู้ปฏิบัติก็พร้อมจะปฏิบัติตาม