MGR Online - ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อม รมว.ยุติธรรม เปิดโครงการ Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ ณ เรือนจำพิเศษมีนบุรี ใช้หลักศาสนาปรับทัศนคติ
วันนี้ (2 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่าวานนี้ 1 เม.ย. เวลา 17.00 น. ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี กรุงเทพฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการ “Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ” พร้อมด้วย นายอรุณ บุญชม จุฬาราชมนตรี ร่วมเป็นเกียรติในพิธี โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ นายนนทรัตน์ หอมศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษมีนบุรี ให้การต้อนรับ
เนื่องในโอกาสแห่งเดือนรอมฎอนอันประเสริฐที่มุสลิมทั่วโลกร่วมปฏิบัติศาสนากิจ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ตระหนักในคุณค่าและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการส่งเสริมให้เรือนจำ ทัณฑสถาน ทั่วประเทศ นำหลักธรรมคำสอนทางศาสนามาใช้เป็นเครื่องมือที่สำคัญในกระบวนการพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้สอดคล้องกับความเชื่อในศาสนาของผู้ต้องขังแต่ละคน โดยผ่านการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังและวางแผน การปฏิบัติรายบุคคลอย่างเหมาะสม
เรือนจำพิเศษมีนบุรี จึงได้จัดโครงการ “Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ” ซึ่งมีเป้าหมายในการพัฒนาบุคลิกภาพ ฝึกความอดทนทั้งทางร่างกายและฝึกจิตใจของผู้ถือศีลอด ให้มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความเสียสละและรับผิดชอบต่อสังคม และที่สำคัญ คือ การคืนคนดีมีคุณค่าสู่สังคม และจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หากภาคสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมสนับสนุน ให้กำลังใจ และให้โอกาสแก่ผู้ต้องขัง ดังคำขวัญที่ว่า “ราชทัณฑ์แก้ไข คนไทยให้โอกาส” ซึ่งในโครงการฯ ได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป ได้บริจาคปัจจัยต่างๆ ในกิจกรรมถือศีลอด เพื่อร่วมเป็นกำลังใจในการเสริมสร้างให้ผู้ต้องขังทำความดี
โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ต้องขังที่นับถือศาสนาอิสลาม เข้าร่วมโครงการ “Mahabbah Ramadan อ้อมกอดแห่งรอมฎอนสู่เรือนจำ” จำนวนทั้งสิ้น 419 คน เป็นชาย 393 คน เป็นหญิง 26 คนซึ่งโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายและแนวทางการดำเนินการตามแผนปฏิบัติราชการ ประจำปี พ.ศ. 2567 ของกระทรวงยุติธรรม ด้านการพัฒนาระบบหรือโปรแกรมการบำบัด แก้ไข ฟื้นฟู และพัฒนาพฤตินิสัยผู้กระทำผิด ที่หลากหลายและมีความเฉพาะเจาะจงในแต่ละกลุ่ม เช่น การจำแนกลักษณะจากความเชื่อ ความศรัทราในศาสนาของผู้ต้องขังแต่ละคน เพื่อส่งเสริมด้านการพัฒนาจิตใจ โดยการใช้ศาสนาเข้ามาปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เป็นไปในทางที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น ตลอดจนกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติสุข ไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก