xs
xsm
sm
md
lg

รับตัวผู้ร้ายข้ามแดน หนีกบดานมาเลเซีย เครือข่ายยาเสพติดภาคใต้ ยึดไอซ์-คีตามีน กว่า 600 กก.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ป.ป.ส. ร่วมภาคี ประสานมาเลเซีย รับมอบตัวผู้ร้ายข้ามแดน 2 ราย เอี่ยวขนส่งไอซ์-คีตามีน กว่า 600 กก. ขยายผลเครือข่าย เดินหน้ายึดทรัพย์

วันนี้ (1 เม.ย.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เผยถึงการรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนคดียาเสพติดจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 2 ราย คือ นายอิลฟาน และ นายมุสตากีม โดยมอบหมายให้ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 ร่วมกับ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนราธิวาส และเจ้าหน้าที่ทหาร กอ.รมน.ภาค 4 สน. เข้ารับตัวผู้ร้ายข้ามแดน ณ ชายแดนไทย-มาเลเซีย อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า การรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนในครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 3 พ.ย. 66 เวลาประมาณ 02.00 น. ร้อยเวรสอบสวน สภ.ปราณบุรี ได้รับแจ้งว่า พบรถยนต์กระบะ ทะเบียน “เบตง” ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำอยู่ที่ริมถนนสายบายพาส ชะอำ-ปราณบุรี ขาล่องใต้ ม.3 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการตรวจที่เกิดเหตุไม่พบคนขับ แต่พบไอซ์ 499 กก. และคีตามีน 100 กก. ซุกซ่อนอยู่ภายในรถยนต์คันดังกล่าว

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราณบุรี ทราบว่า รถยนต์กระบะคันดังกล่าวมี นายอารีฟ เป็นคนขับ ซึ่งหลังเกิดอุบัติเหตุได้มีผู้ช่วยหลบหนี คือ นายอิลฟาน กับ นายมุสตากีม ขับรถยนต์เก๋งมารับและไปพร้อมกัน จนต่อมา ศาลจังหวัดหัวหินได้ออกหมายจับบุคคลทั้ง 3 ราย

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวต่อว่า ภายหลังศาลออกหมายจับ สำนักงาน ป.ป.ส.ภาค 9 และเจ้าพนักงานตำรวจ สังกัดจากกองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน จังหวัดชายแดนใต้ สืบทราบว่าบุคคลตามหมายจับทั้ง 3 ราย หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย จึงได้ประสาน ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประเทศมาเลเซีย (NCID) จนสามารถผลักดัน นายอารีฟ กลับไทยและมาถูกจับกุมในที่สุดไปก่อนหน้านี้

“ส่วน นายอิลฟาน และ นายมุสตากีม ถูกดำเนินคดีข้อหาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย จนกระทั่งพ้นโทษและกำหนดเนรเทศกลับไทยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ประเทศมาเลเซีย จึงประสานแจ้งข่าวมายังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อจับกุมนายอิลฟาน และ นายมุสตากีม ที่ชายแดน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส”

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า หลังได้รับตัวผู้ต้องหา สำนักงาน ป.ป.ส. จะดำเนินการขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งในคดีนี้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจำนวนมาก และเชื่อว่าจะเป็นเครือข่ายที่มีความเชื่อมโยงกับการส่งยาเสพติดไปยังภาคใต้ และการส่งผ่านไปยังประเทศที่สามผ่านบริเวณชายแดนหรือทางเรือขนส่งสินค้า นอกจากนั้น จะสืบสวนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์

เบื้องต้นได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐและความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป, ร่วมกันจำหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีนโยบายในการดำเนินนโยบายร่วมมือกับต่างประเทศเชิงรุก โดยนอกจากการประสานงานการสกัดกั้นยาเสพติด สารตั้งต้นบริเวณชายแดน ต้องประสานงานกับต่างประเทศในการนำตัวผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดที่หลบหนีคดีไปยังต่างประเทศ มาดำเนินคดีในประเทศไทย

“โดยก่อนหน้านี้ สปป.ลาว ได้ส่งตัว นายอ่อง กิม วา นักค้ายาเสพติดรายสำคัญ มาดำเนินคดีในไทย และเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา เมียนมาก็ได้ส่งตัวผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ จำนวน 2 ราย ซึ่งผู้ต้องหาหลบหนีเหล่านี้แม้จะหลบหนีแต่ยังคงสร้างปัญหาในการสั่งการส่งยาเสพติดข้ามประเทศ ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ส. จะประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านในการนำผู้ต้องหาเหล่านี้มาดำเนินคดีต่อไป”


กำลังโหลดความคิดเห็น