xs
xsm
sm
md
lg

สุดทนแม่ค้าปูติดป้ายทวงหนี้ตลกดัง ค้างจ่ายค่าของเกือบสามแสน วอนเงินหมดครอบครัวลำบาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



แม่ค้าปูดองสุดทน ติดป้ายทวงหนี้ตลกชื่อดังกลางห้าง หลังสั่งปูไปขาย แต่ไม่จ่ายเงินเกือบสามแสนบาท

จากกรณีอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิรน์ part 6 โพสต์ภาพระบุข้อความว่า “ดราม่าป้ายทวงหนี้จากคุณป้าคนหนึ่ง (ใครรู้จักป้าหรือคุณป้าเห็นโพสต์มาแสดงตัวได้นะ..สื่อจะสอบถามประเด็น) ป้าคนนึงมาทวงหนี้โดยการนำป้ายมาแขวนไว้ที่บูธจัดงานในห้างเซ็นทรัลเวสต์เกต เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบและให้ถอดป้ายออก รปภ.บอกว่า ป้าเขาเดินไปยืนถือป้ายที่หน้าห้างอีก เพิ่งกลับไปเมื่อกี้ค่ะ เหตุวันนี้ 30-3-67 ประมาณ 3 ทุ่ม สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะ ”

ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 31 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่บริเวณป้ายรถเมล์หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์เกต ตำบลเสาธงหิน อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี พบ นางรชต คำรอด อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย ติดป้ายทวงหนี้ระบุข้อความว่า “ติดป้ายไวนิล รูป จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ระบุข้อความว่า “ได้โปรดเมตตาคืนเงินค่าสินค้าให้เราด้วยเถอะ เงิน 284,400 บาท สำหรับบางคนอาจจะไม่เยอะ แต่สำหรับครอบครัวของเรามันคือลมหายใจ 4 ชีวิต”

นางรชต (ผู้เสียหาย) กล่าวว่า ที่บ้านตนทำธุรกิจเลี้ยงปู เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่ใช่ห้างร้านและบริษัท ทำและขายเองตามงานอีเวนต์ ตามห้างต่างๆ และมีโอกาสได้เจอกับคู่กรณี ซึ่งขายของในงานเดียวกัน ได้มีการว่าจ้างให้ตนทำปูดองส่งให้ขาย โดยทางคู่กรณีจะไปติดแบรนด์ตัวเอง ตกลงกันไว้ว่ารับของไปขาย 1 รอบ เมื่อขายเสร็จ ต้องนำเงินมาจ่าย ตนทำของส่งให้คู่กรณีกว่า 20 รอบ ส่งไปเรื่อยๆ ซึ่งตนได้มีการทวงถามค่าจ้างกับคู่กรณีตลอด เขาอ้างว่า ยังขายของไม่ได้ ไม่มีเงินนำมาให้ ขอให้ทำของให้ใหม่ก่อน และจะนำเงินมาเคลียร์ให้

ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอด ตนให้ด้วยความเห็นใจและไว้ใจ และคิดว่า ถ้าไม่ให้ของไปส่งให้คู่กรณีก็จะไม่มีของขายและนำเงินมาให้ตน ตนจึงยอม เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 66 จนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 67 ตนเริ่มชะงักและไม่ทำของให้คู่กรณี ซึ่งคู่กรณีก็บอกว่าถ้าไม่มีของมาขายจะนำเงินที่ไหนมาให้ ตนจึงทำให้ถึงรอบสุดท้าย และตนจึงขอกำหนดในการชำระยอด

คู่กรณีได้นัดชำระเงินวันที่ 24 มีนาคม หากเคลียร์ยอดที่ค้าง ตนจะทำของให้วันที่ 27 มีนาคม เพื่อนำมาขายที่ห้างแห่งนี้ แต่พอถึงกำหนดคู่กรณีไม่จ่ายเงินตามที่ตกลง ตนจึงมีการทวงถาม คู่กรณีบอกกับตนว่าขอให้จบงานที่ห้างนี้ก่อน เนื่องจากมีการคลาดเคลื่อนได้ของไม่ครบ ตนจึงไม่ทำของให้อีก พอวันที่ 29 มีนาคม ตนมายืนดูการค้าขายของคู่กรณีที่ห้าง เพื่ออยากรู้ว่าขายไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม และไม่มีรายได้จริงๆ ใช่ไหม แต่ 4 ชั่วโมงที่ตนมายืนดู คู่กรณีขายของได้ประมาณหมื่นกว่าบาท ตนจึงบอกว่าให้นำเงินมาเคลียร์ตนซัก 2,000-3,000 บาทก่อน เพื่อจะได้นำไปเป็นทุนทำของและนำของมาให้เพื่อวางขายในงานนี้ คู่กรณีบอกให้ตนทำของมาก่อน แต่ยังไม่มีเงินให้ เขาบอกว่าไม่ให้ ตนพยายามตื้อเพื่อขอเงิน แต่คู่กรณีปฏิเสธและไล่ให้ตนกลับไป

พอตอนกลับมาคู่กรณีส่งข้อความมาต่อว่าตนว่าทำให้คู่กรณีเสียหน้า ตนจึงรู้ว่า เขาพยายามที่บ่ายเบี่ยงจะไม่จ่ายเงินตนแล้ว ตนจึงไปเจรจากับทางผู้ใหญ่ที่จัดงานว่าให้คู่กรณีมาเคลียร์ยอด ซึ่งทางผู้ใหญ่ที่ตนได้ไปพูดคุยด้วยเขาบอกให้ตนไปแจ้งความ ตำรวจก็บอกว่าเป็นคดีแพ่ง ตนจึงต้องทำป้ายนี้ออกมา ไม่อยากทำ แต่สถานการณ์บีบบังคับให้ตนต้องทำ ตนนำป้ายไปติดเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ยอดเงินทั้งหมดที่คู่กรณีต้องจ่าย คือ 284,400 บาท ไม่มีให้ตนทั้งหมดตนเข้าใจ แต่อยากให้คู่กรณีติดต่อมาเคลียร์จะเจรจายังไงก็พูดมา แต่กลับมาโพสต์เฟซบุ๊กว่าจะไปแจ้งความตน ซึ่งมันสวนทางกับความจริงที่ควรจะมาเจรจากันดีกว่า

นางรชต (ผู้เสียหาย) กล่าวทั้งน้ำตาต่ออีกว่า ตนไว้เนื้อเชื่อใจ เพราะเห็นเป็นดารา เป็นตลก คงไม่มาโกงกับตาสีตาสา แค่เงินไม่กี่บาท ตนคาดหวังอยากให้คู่กรณีมาเจรจากัน แต่กลับไม่เคยมาพูดคุย พูดแต่ว่าไม่มี ไม่ให้ อยากบอกกับคู่กรณีว่า ยอดทั้งหมดที่เขาขายของ ที่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ แต่ตนกับครอบครัว 4 ชีวิต เราไปต่อไม่ได้ เราขอให้มาเคลียร์ยอดบ้าง หันกลับมาดูเราบ้าง เราสร้างเม็ดเงิน สร้างกำไรให้ไปกว่าครึ่งล้านแล้ว อย่านิ่งจนด้านแบบนี้ ออกมาพูดคุยกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น