ตำรวจสืบสวนนครบาล จับ รอง ผอ.โรงเรียน ย่านปากเกร็ด ระดับหัวหน้าแก๊งค้ายาเสพติด ขยายผลพบ มีลูกค้าเป็นข้าราชการอีกหลายคน
วันนี้ (27 มี.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.1 บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม นายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง อายุ 42 ปี รองผู้อำนวยการโรงเรียนชื่อดังย่านปากเกร็ด อยู่บ้านเลขที่ 195/469 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี และ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94/161 ซ.วัชรพล 1/3 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.318/2564 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 64 ข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและพยายามจำหน่าย” และหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.189/2564 ลงวันที่ 12 ต.ค. 64 ข้อหา “พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ครอบครองเพื่อจำหน่ายและเสพ-เมทแอมเฟตามีน)” สามารถตรวจยึดของกลาง จำนวน 10 รายการ 1. ยาเสพไอซ์ ประมาณ 100 กรัม (ลักษณะใส่ถุงเตรียมแบ่งขาย) 2. คีตามีน จำนวน 2 ถุง 3. เงินสด 31,500 บาท 4. สมุดบัญชีธนาคาร 5 เล่ม 5. ถุงยางอนามัย จำนวน 200 ชิ้น 6. เจลหล่อลื่นบรรจุซอง จำนวน 100 ซอง 7. ไวอะกร้า จำนวน 50 ซอง 8. เข็มฉีดยาพร้อมสายยางรัด จำนวน 100 เข็ม 9. Eternal drive จำนวน 6 อัน (บรรจุหนังลามกประเภทชายรักชายรวม 6 TB) และ 10. อุปกรณ์การเสพยาเสพติดและเครื่องชั่งอีกหลายรายการ โดยจับกุมตัวได้ที่ ห้อง 469 หนึ่งคอนโดมิเนียม รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
โดยพฤติการณ์สืบเนื่องจากสืบนครบาล ร่วมกับ ศอ.ปส.ตร.บุกทลายแหล่งที่มั่วสุมยาเสพติดและมั่วเซ็กซ์ของเหล่าข้าราชการ “ชายรักชาย” ย่านนนทบุรี โดยจับกุมหัวหน้าแก๊งเป็นถึงข้าราชการระดับ รอง ผอ.ร.ร.ดังย่านปากเกร็ด โดยจุดเริ่มต้นมาจาก “เกย์ท็อป” ผู้เขย่าวงการแพทย์สายวาย (LGTBQ+) หลังเจ้าตัวแอบอ้างว่า ตนเป็นแพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจ โรงพยาบาลดัง ก่อนจะสร้างสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบชายรักชายกับเหล่าบุคลากรทางการแพทย์หนุ่ม แล้วหลอกล่อให้เสพยาเสพติด โดยเหยื่อรายล่าสุดถูกลวงให้เสพยาเสพติด โดยอ้างว่าเป็นยาบำรุง กระทั่งเหยื่อติดสารเสพติดงอมแงม ตกเป็นธาตุกามแบบถอนตัวไม่ขึ้น ถูกหลอกให้ถ่ายคลิปลับ ถูกหลอกถลุงเงินไปหลายล้านบาท เพื่อแลกกับการได้เสพยา จนเหยื่อแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ซึ่งจากการสืบสวนติดตามทราบว่า นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ 2 หมายในคดีค้ายาเสพติด
จากนั้น พล.ต.ต.ธีรเดช จึงส่งเจ้าหน้าที่อำพรางแฝงตัวเข้าวงการเก้งกวาง จนได้เบาะแสว่า ผู้ต้องหารายนี้เป็นสมุนของเอเยนต์รายใหญ่ย่านปากเกร็ด และเอเยนต์รายนี้ ยังมีดีกรีเป็นถึงข้าราชการ โดยมักรวมพลเหล่าข้าราชการเกย์ในกลุ่ม มามั่วสุมปาร์ตี้ยาเสพติดกันอยู่ในคอนโดแห่งหนึ่งบน ถ.รัตนาธิเบศร์ ต่อมาวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ธีรเดช จึงนำกำลังชุดสืบนครบาลบุกไปที่ห้องพักที่ใช้มั่วสุมดังกล่าว โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเคาะประตู ผู้ที่อยู่ภายในห้องพักไหวตัวทำลายพยานหลักฐานไปบางส่วน แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปได้ก็พบ นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป อยู่ภายในห้องกับนายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง ซึ่งเป็นข้าราชการครูระดับ รอง ผอ.ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด โดยแรกเริ่มเจ้าตัวมีท่าทีบ่ายเบี่ยงกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เมื่อทำการตรวจค้นห้องพัก ก็พบยาเสพติดหลายรายการในลักษณะเตรียมแบ่งขาย พบสมุดบันทึกการซื้อขายยาเสพติดจำนวนมาก และยังพบยากระตุ้นอารมณ์ ถุงยาง เจลหล่อลื่น และหนังโป๊ชายรักชายจำนวนมาก
โดย นายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง อ้างว่า อุปกรณ์ต่างๆ นั้นไว้ใช้สอนหนังสือในโรงเรียน แต่จากการขยายผลของชุดจับกุม พบว่า นายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง เป็นถึงระดับหัวจ่ายที่คอยส่งยาเสพติดให้กับข้าราชการอีกหลายคน โดยพบเงินหมุนเวียนในห้วงเดือนที่ผ่านมา เป็นจำนวนกว่า 1,300,000 บาท ซึ่งจากการตรวจสอบสารเสพติดในร่างกายของทั้งสอง พบว่า มีสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งท้ายสุดทั้งสองก็ยอมจำนนและรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมในที่สด โดยในชั้นจับกุม นายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ปัจจุบันตน ประกอบอาชีพรับราชการครูตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด สอนวิชาการงานอาชีพให้แก่เด็กชั้นประถมศึกษา โดยตนเริ่มเสพยาตั้งแต่กลางปี 2566 และเริ่มสั่งยาเสพติดมาจากทวิตเตอร์มาขายในช่วงต้นปี 2567 ซึ่งนำมาขายให้เพื่อน วัยรุ่น และข้าราชการ ย่านรัตนาธิเบศร์ จนถึงปัจจุบันตนยังคงรับราชการครูอยู่ และยังขายยาเสพติดไปด้วย และได้รู้จักกับนายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2566 โดย นายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป ได้ไปๆ มาๆ ที่ห้องของตนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนได้นำยามาขายให้กับนายกฤตฌาน์พัฒน์ หรือ ท็อป และให้นำไปขายเรื่อยมา
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายกฤตฌาน์พัฒน์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ตนเกิดและโตที่กรุงเทพฯ เข้าเรียนชั้นอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านรังสิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อจบการศึกษาได้ออกมาประกอบอาชีพออแกไนซ์จัดงานเป็นระยะเวลา 1 ปี จึงได้เรียนต่อปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน จนจบปริญญาโท ได้ประกอบอาชีพอยู่ที่บริษัทประกัน จากนั้นตนเริ่มใช้ยาเสพติด เกี่ยวข้องกับยาเสพติดต่อเนื่องมาจนชีวิตเริ่มดำดิ่ง กระทั่งถูกดำเนินคดีขณะเสพยาอยู่กับกลุ่มเพื่อนในปี พ.ศ. 2557 ติดคุกอยู่ 1 ปี 3 เดือน หลังจากออกมาจากเรือนจำในปี พ.ศ. 2558 ตนพยายามหางานเพราะไม่ต้องการเป็นภาระของทางบ้าน แต่ไม่สามารถหางานได้ เนื่องจากตนเคยติดคุกมา เมื่อไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ตนจึงได้หวนกลับมาในเส้นทางเดิมโดยการเริ่มขายยาเสพติด จนเริ่มคบหาดูใจกับแฟนหนุ่ม ซึ่งประกอบอาชีพแพทย์มา 2 คน และได้เลิกรากัน โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ไปหลอกลวงเหล่าแพทย์ชาย แต่เพราะพวกหมอเหล่านั้นติดยาเสพติดที่ตนเอาไปให้เอง และต่อมาได้มารู้จักกับนายเศรษฐยศ หรือ เจ๊เก่ง ตนก็มารับยาไปขายเป็นประจำ โดยขายให้กับกลุ่มเพื่อน จนในที่สุดตนได้ถูกออกหมายจับ และถูกจับกุมตัวส่งศาลแต่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ตนจึงได้หลบหนีในขณะที่ศาลให้ประกันตัวเป็นระยะเวลา 2 ปี จนมาถูกจับในวันนี้
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า กลุ่มผู้ต้องหาเป็นคนที่มีตำแหน่งหน้าที่ทางสังคม มีความรู้ และยังมีการสร้างเครือข่ายโดยการใช้ความเชื่อมโยงทางจิตใจ เพราะเป็นกลุ่มที่มีรสนิยมเดียวกัน และส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่ และที่น่ากลัวที่สุดคือระดับหัวหน้าขบวนการเป็นครูที่ต้องเป็นแม่พิมพ์ให้กับเหล่าอนาคตของชาติ และยังมีตำแหน่งระดับสูงในโรงเรียน ถือเป็นภัยต่อเยาวชนที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนอย่างยิ่ง เราจะขยายผลให้ถึงที่สุด จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน หากผู้ใดมีเบาะแส โปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมตลอด 24 ชั่วโมง