“วินัย” เผย กก.สอบ 2 นายพล เดินเครื่องเรียกคณะทำงานคุย เร่งทำความจริงให้ปรากฏ เตรียมเรียก “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” ให้ข้อมูล ยันทำตรงไปตรงมา ไม่มีเกี้ยเซียะ
วันนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย กรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ตามคำสั่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ว่า ขณะนี้มีการเรียกคณะทำงานในส่วนของตนเข้ามาพูดคุย โดยคณะทำงานย่อยที่ประกอบไปด้วย เจ้าหน้าที่ ปปง.และหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้ามาช่วยดูในเรื่องรายละเอียดที่ไม่เกี่ยวกับสำนวนคดีอาญา ซึ่งคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ การตรวจสอบไม่ยาก เพราะมีการรวบรวมหลักฐานไว้ส่วนหนึ่งแล้ว ส่วนกรณี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็มีข้อมูลเก่าประกอบกับทนายความของทีม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เปิดเผยเส้นทางการเงินความเกี่ยวข้องโยง และจะมีการเรียกบุคลากรที่เกี่ยวข้องมาสอบถามว่าสิ่งที่พูดมีมูลความจริงหรือเป็นเพียงแค่การข่มขู่ ไม่ได้เชื่อข้อมูลทั้งหมด บางอย่างมีร่องรอย ทั้งอักษรย่อ ตัวบุคคล เป็นร่องรอยที่สามารถตรวจสอบได้ และจะเชิญ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้ามาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นมาอย่างไร
ถามว่า ความขัดแย้งมาจากคดีกำนันนกที่มีการสอบโยงเรียกรับส่วยหรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ไม่ได้มีข้อมูล ไม่ทราบเรื่องนี้ ซึ่งการทำงานของคณะกรรมการอะไรที่ติดใจสงสัยเป็นเหตุให้สัมภาษณ์ใส่กันไปมา หากใครที่มีข้อมูลตำรวจและประชาชนสามารถส่งข้อมูลมาให้คณะกรรมการสอบสวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ไม่ได้รีบเป็นเรื่องการทำให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกรังแกมาให้ข้อมูลคณะกรรมการมีมาตรการคุ้มครองพยาน หากเป็นข้อมูลสำคัญ
เมื่อถามว่า จะยึดแนวทางคดี “บอส อยู่วิทยา “หรือไม่ พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า เรื่องคดีบอสคนเข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนไม่มาก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เกี่ยวข้องคนหลายร้อยคน ตั้งปณิธานว่าจะทำเรื่องนี้ให้ตรงไปตรงมา กลั่นแกล้งไม่ช่วยเหลือ ผิดเป็นผิด คณะกรรมการชุดนี้ไม่มีหน้าที่ตามกฎหมายพบอะไรก็จะรายงานนายกฯ เพื่อพิจารณาสั่งการ จะไม่มีช่วยเหลือ หรือเกี้ยเซียะ จะทำความจริงให้ปรากฏต่อสังคม หากการสอบสวนเสร็จไม่ทันเวลากรอบ 60 วัน จะทำการรายงานนายกฯ และทำการแถลงข่าวให้ประชาชนและตำรวจให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งคณะกรรมการประสานข้อมูลหน่วยงานเกี่ยวข้องได้ เพราะใช้อำนาจของนายกฯ เรียกเอกสาร และสอบตัวบุคคล