ศาลเเพ่งใต้รับคำร้องดำเนินคดีเเบบกลุ่มผู้เสียหายลงทุนหุ้นสตาร์ค ฟ้องเรียกค่าเสียหาย’วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ‘เกือบหมื่นล้าน ยกคำร้อง’วีรพัฒน์ ปริยวงศ์’พาผู้เสียหายอีกกลุ่มขอรวมคดี
วันนี้ (21 มี.ค.) ศาลเเพ่งกรุงเทพใต้นัดฟังคำสั่งขอให้ดำเนินคดีแบบกลุ่ม คดีที่ นายคณิต อภิวัฒนานนท์ กับพวกรวม 3 คน ยื่นฟ้อง นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ,นายชนินทร์ เย็นสุดใจ,นายชินวัฒน์ อัศวโภคี นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ,นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐงาม เป็นจำเลยในความผิดฐานละเมิด ซื้อขาย(หลักทรัพย์) เรียกค่าเสียหายในคดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ในวันนี้มีผู้เสียหายต่างพากันเดินทางมาติดตามคดีพร้อมถือป้ายเรียกร้องความยุติธรรม
ศาลพิจารณาคดีได้ความทางไต่สวนว่าโจทก์ทั้งสามเป็นสมาชิกของกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากการได้รับข้อมูลเกี่ยวกับงบแสดงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานจากการชี้ชวนในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนให้ซื้อหุ้นของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จและไม่เป็นความจริงรวมถึงมีการตกแต่งงบการเงินของบริษัทเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งสามรวมถึงกลุ่มบุคคลซึ่งถูกชี้ชวนได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและหลงเชื่อลงทุนในหุ้นกู้ดังกล่าวและไม่ได้รับเงินคืน จำแนกเป็นผู้ได้รับการขี้ชวนตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ครั้งที่ 1/2565และครั้งที่ 2/2565 จำนวนกว่า 4,500 คน จำเลยทั้ง 5 เป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทดังกล่าวกระทำการโดยขาดความระมัดระวัง
และไม่ซื่อสัตย์สุจริต กระทำหรืองดเว้นกระทำการตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดอันเป็นสาเหตุทำให้มีการตกแต่งบัญชีหรืองบการเงินที่เป็นเท็จต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลที่ได้รับความเสียหายจากกรณีดังกล่าวซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับโจทก์ทั้งสาม ซึ่งไม่ว่าหนังสือชี้ชวนจะระบุ เงื่อนไขการจำหน่ายหุ้น(ไว้อย่างไรก็ตามแต่โจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลนั้นก็เป็นผู้ซื้อหุ้นกู้ดังกล่าวเหมือนกัน การได้มาซึ่งสิทธิในหุ้นกู้ของโจทก์ทั้งสามและกลุ่มบุคคลจึงเหมือนและไม่แตกต่างกันอันถือเป็นกลุ่มบุคคลจำนวนมาก หากดำเนินคดีอย่างคดีสามัญจะทำให้เกิดความยุ่งยาก และไม่สะดวก การดำเนินคดีแบบกลุ่มจะเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพมากกว่าการดำเนินคดีสามัญ
เมื่อพิเคราะห์ถึงประวัติและประสบการณ์การทำงานของโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามแล้วน่าเชื่อว่าโจทก์ทั้งสามและทนายความโจทก์ทั้งสามสามารถดำเนินคดีคุ้มครองสิทธิของกลุ่มบุคคลได้อย่างเพียงพอและเป็นธรรม จึงอนุญาตให้โจทก์ทั้งสามดำเนินคดีแบบกลุ่มได้และเห็นควรกำหนดขอบเขตของสมาชิกกลุ่มคือกลุ่มบุคคลที่ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทสตาร์คคอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จากการชี้ชวนตามแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนจากการขายหุ้นกู้บริษัทสตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2564 ทุกชุด ครั้งที่ 1/2565 ทุกชุด และครั้งที่ 2/2565 ทุกชุด
นอกจากนี้แล้ว ศาลยังมีคำสั่งในคดีที่ นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ ผู้รับมอบอำนาจผู้เสียหายอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้ยื่นฟ้องคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567
นายวีรพัฒน์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าได้ฟ้องคดีไว้อีกคดีหนึ่ง และประสงค์จะขอให้ศาลมีคำสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีดังกล่าวเข้าด้วยกัน ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 20 มี.ค.สำเนาคำร้องให้ทนายโจทก์ทั้งสามและทนายจำเลยที่มาศาลแล้ว ทนายโจทก์ทั้งสามแถลง คัดค้านคำร้องว่าคดีนี้เสร็จการไต่สวนแล้ว การรวมพิจารณาไม่เป็นประโยชน์ ส่วนทนายจำเลยที่ 2 และทนายจำเลยที่ 5 แถลงว่าสุดแท้แต่ศาลจะพิจารณาตามที่เห็นสมควรศาลเรียกสำนวนคดีหมายเลขดำที่ ผบ 121/2567 มาเพื่อประกอบการพิจารณาแล้ว
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า คดีนี้เสร็จการพิจารณา และศาลนัดฟังคำสั่งในวันนี้ แต่ผู้ร้องเพิ่งจะยื่นคำฟ้องคดีที่อ้างถึงเมื่อวันที่ 20 มี.ค. (เมื่อวานนี้) หากต้องนำสำนวนคดีดังกล่าวมารวมพิจารณากับคดีนี้อาจต้องไต่สวนพยานหลักฐานใหม่ทั้งหมด ซึ่งเป็นการไม่สะดวก และเป็นเหตุให้กระบวนพิจารณาต้องช้าออกไปโดยไม่จำเป็น และคดีดังกล่าวผู้ร้องยื่นฟ้องจำเลย 24 คน แตกต่างจากจำเลยในคดีนี้ พิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้รวมพิจารณาคดีทั้ง 2 สำนวนเข้าด้วยกัน และให้ยกคำร้อง
นายจิณณะ แย้มอ่วม ทนายความในคดีที่ศาลอนุญาตรับดำเนินคดีเเบบกลุุ่ม กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้รับเป็นคดีแบบกลุ่ม โดยคดีที่ฟ้องเป็นคดีละเมิดเรียกค่าเสียหาย เเละความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ค่าเสียหายที่เรียกไปโดยโจทก์นำฟ้องเป็นเกณฑ์เบื้องต้นมีมูลค่าไม่กี่ล้านบาท เเต่ว่าเมื่อเป็นการดำเนินคดีเเบบกลุ่มเเล้วจะเป็นการรวมค่าเสียหายทุกคน ซึ่งคดีนี้มีผู้เสียหาย 4 พันกว่าคน รวมมูลค่าความเสียหาย ประมาณ 9,200 ล้านบาท