MGR Online - ดีเอสไอ ตรวจค้น 5 เป้าหมาย เครือข่ายส่งออกน้ำมัน "โกฟุก" หลังทางการพม่ายืนยันไม่มีบริษัทฯ รับซื้อน้ำมัน ทำรัฐเสียหาย 28,000 ล้านบาท
วันนี้ (21 มี.ค.) เวลา 10.30 น. บริษัท ทีพีทีเอ็ม โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท น้ำโขง โลจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจค้นบริษัทดังกล่าวหลังพบความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายสง่า กังวาล หรือ “โกฟุก” ลักลอบส่งออกนำเข้าน้ำมันเลี่ยงภาษี (คดีพิเศษที่ 116/2563)
สืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สืบสวนคดีพิเศษที่ 10/2567 กรณีเครือข่าย "โกฟุก" นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในระบบคอมพิวเตอร์หลอกลวงให้ประชาชนเข้าซื้อรางวัลเลขท้ายของรางวัลที่ 1 และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว โดยอ้างอิงผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมทั้งนำผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลของประเทศต่างๆ มาประกอบในการเชิญชวนให้มีการเล่นการพนันภายใต้หลายเว็บไซต์ เช่น ร่ำรวย ร้อยล้าน นพเก้า นาคราช ชอบหวย ล้อตโต้เอ็มเอ็ม ดีเอ็นเอ เยเย่ และอื่นๆ เบื้องต้นพบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1,000 ล้านบาท
โดยขยายผลจากกรณี กลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมกระทำความผิดเกี่ยวกับปิโตรเลียมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีพฤติการณ์เป็นขบวนการลักลอบจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในทั้งในและต่างประเทศ และเป็นผู้ซื้อน้ำมัน เพื่อการส่งออกแต่ไม่มีการส่งออกอย่างแท้จริงโดยนำกลับมาจำหน่ายในประเทศ ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นมีการฟอกเงินรายได้จากบ่อนคาสิโนแนวชายแดน หวยใต้ดินและสินค้าหนีภาษี อันอาจเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ 2560 ประมวลกฎหมายรัษฎากร และกฎหมายฟอกเงิน เป็นคดีพิเศษที่ 116/2563 ที่สอบสวนอยู่
ซึ่งพบพฤติการณ์ต้องสงสัยว่า บริษัท Chindwin สัญชาติเมียนมา ที่แต่งตั้งนายสง่า หรือ "โกฟุก" เป็นตัวแทนดำเนินการซื้อขายน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาโดยได้รับการยกเว้นทางภาษี เมื่อตรวจสอบสถานะของบริษัท Chindwin พบว่าไม่มีการจดทะเบียนบริษัท ในสารบบนิติบุคคลของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา อีกทั้ง บริษัท Chinwind ไม่ได้เปิดดำเนินการหรือมีสถานประกอบการตามที่ได้ระบุไว้ในเอกสารใบสั่งสินค้า ที่นำมาแสดงต่อบริษัทผู้ขายน้ำมัน จึงมีเหตุจำเป็นต้องตรวจสอบต้นทาง คือ นิติบุคคลและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการส่งออกน้ำมันไปยังต่างประเทศ จึงมีการยื่นคำร้องขอหมายค้นต่อศาลเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเข้าตรวจค้นสถานที่ต่างๆ 5 จุด
ด้าน พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า วันนี้มีการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายรวม 5 จุด จ.ชลบุรี 3 จุด จ.ชุมพร 1 จุด และ จ.ระนอง 1 จุด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบการกระทำความผิดและดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายโกฟุก เกี่ยวกับการทุจริตคืนภาษีน้ำมัน โดยมีการสำแดงน้ำมันออกราชอาณาจักร แต่อาจไม่นำออกไปจำหน่ายทั้งหมดและวนกลับมาขายภายในประเทศ โดยวันนี้มาตรวจค้น ทีพีทีเอ็ม โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท น้ำโขง โลจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบริษัททำหน้าที่ขนส่งน้ำมัน พร้อมเก็บพยานหลักฐานในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น ข้อมูลไฟล์เอกสาร การบันทึกการขนส่งไปที่ไหนบ้าง ช่วงเวลาเมื่อไหร่บ้าง และ เอกสารการเงินบางส่วน ซึ่งมีข้อมูลพอสมควร
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวอีกว่า ส่วนความเชื่องโยงกับเครือข่ายโกฟุกนั้น ดีเอสไอพบข้อมูลว่าบริษัทแห่งนี้เคยมีการรับขนส่งน้ำมันของกลุ่มเครือข่ายโกฟุก ตั้งแต่ปี 2557-2561 ไปส่งยัง จ.ระนอง ส่วนปริมาณน้ำมันและจำนวนขนส่งกี่ครั้งอยู่ในสำนวน แต่ก็ต้องพิสูจน์ว่ามีการขนส่งน้ำมันวนกลับเข้ามาในประเทศหรือไม่ หรือขนส่งไปที่ไหน ประกอบการสอบสวนว่าสอดคล้องกับพยานหลักฐานหรือไม่
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวต่อว่า บริษัทแห่งนี้อาจไม่ใช่นอมินี แต่เป็นบริษัทรับว่าจ้างขนส่งน้ำมัน แต่พบความเชื่อมโยงขนส่งให้กับกลุ่มเครือข่ายโกฟุก ส่วนจะรู้เห็นด้วยหรือไม่ ต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง โดยปกติบริษัทจะรับขนส่งจากสมุดบันทึก เช่น ระนอง แม่สาย เชียงราย แต่ต้องดูรายละเอียดข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งได้รับความร่วมมือกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เก็บข้อมูลเรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้ระหว่างรอผลการประเมินเรื่องภาษีจากกรมสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่มว่าขาดไปเท่าไหร่ เพื่อมาประกอบการดำเนินคดี
“ยังมีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับกรณีการวิ่งรถเปล่าไม่มีน้ำมันต้องตรวจสอบจากข้อมูลที่บันทึกเพราะทุกคันจะมีการจดช่วงวันเวลาการเดินทาง เอาข้อมูลตรงนี้มาวิเคราะห์ ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง เลขไมค์ หรือ GPS เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนสอบสวน อย่างไรก็ตาม การขนส่งน้ำมันของบริษัทแห่งนี้จะรับออดเดอร์กันทางแอปพลิเคชั่นไลน์ ถึงจะต้องส่งน้ำมันที่ใดบ้างเท่านั้น โดยมีผู้จัดการสาขาบริหาร และจะมีสำนักงานใหญ่อยู่อีกแห่ง”
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวเสริมว่า พฤติการณ์ของคดีนี้มีเหตุอันควรสงสัยว่านายสง่า กับพวก ได้ร่วมกันหลอกลวงใช้ชื่อบริษัทผู้ซื้อคือ บริษัท Chindwin สัญชาติเมียนมา ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียน ซึ่งไม่มีอยู่จริง มาสร้างนิติกรรมอำพรางโดยแสดงเอกสารเท็จเป็นหนังสือแต่งตั้งเป็นตัวแทนผู้ซื้อ เพื่อใช้เป็นคู่ค้าหรือคู่สัญญาในการทำธุรกรรมซื้อน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อจะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ทำให้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่นำไปขายให้กับนายสง่า กับพวก เป็นราคาที่ถูกกว่าราคาตลาด จึงอาศัยช่องทางนี้ในการซื้อน้ำมันราคาถูก และยังมีพฤติการณ์อันควรสงสัยในการลักลอบหนีศุลกากรนำน้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเข้ามาจำหน่ายเอากำไรภายในประเทศ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้กว่า 28,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจค้นมีทั้งหมด 5 จุด ประกอบด้วย ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริษัท ทีพีทีเอ็ม โลจิสติกส์ จำกัด และ บริษัท น้ำโขง โลจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี , จุดที่ 2 บริษัท ศิธา โลจิสติกส์ จำกัด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี , จุดที่ 3 บริษัท โชคชัยพัฒนาออยล์ จำกัด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี , จุดที่ 4 บริษัท จิดาภา ทรานสปอร์ต จำกัด และ บริษัท สกลพัฒน์ ทรานสปอร์ต จำกัด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร และ จุดที่ 5 ท่าเรือสินพารา (ท่าเรือโกกวด) หรือ ห้างหุ้นจำกัด สินพาราค้าไม้ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง