MGR Online - "คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม" บุกกรมราชทัณฑ์ คัดค้านพักโทษ “ทักษิณ” แกล้งป่วย ให้นำตัวกลับเรือนจำ เพิกเฉยจ่อเอาผิด ม.157
วันนี้ (18 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์ อ.เมือง จ.นนทบุรี กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ร่วมกับ ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และ กลุ่มกองทัพธรรม ประมาณ 150 คน นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล พร้อมด้วย นายอานนท์ กลิ่นเเก้ว , ดร.ใจเพชร เเก้วจน , นายนัสเซอร์ ยีหมะ เคลื่อนขบวนมาจากเวทีคปภ. สะพานชมัยมรุเชษฐ์ เดินทางมายื่นหนังสือต่อ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อขอให้นำตัวนักโทษด็ดขาดชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาจำคุกตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดและตามพระบรมราชโองการลดโทษ โดยมี นายไพรัตน์ ขมินทกูล ผู้ตรวจราชการ กรมราชทัณฑ์ เป็นผู้รับหนังสือแทน
ตามที่มีพระบรมราชโองการ ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 1 ก.ย.66 พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก 1 ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษาของศาลนั้น ปรากฎข้อเท็จริงเป็นที่ประจักษ์ว่า นับแต่วันที่ 22 ส.ค.66 นายทักษิณ ไม่เคยได้รับโทษจำคุก เพราะหนีคุกมาอยู่โรงพยาบาลตำรวจในตอนกลางดึก โดยไม่มีอาการป่วยถึงขนาดที่ต้องนำตัวออกจากเรือนจำเพื่อมารักษาตัวอย่างเร่งด่วน แต่เป็นอาการเฝ้าระวัง ดังที่ทราบจากคำชี้แจงของเรือนจำและนายแพทย์ผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นเหตุที่ไม่อาจอ้างเพื่อให้พักรักษาตัวได้ตามกฎหมายจึงเป็นการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการช่วยเหลือ นายทักษิณ ให้ไม่ต้องถูกจำคุกตามคำพิพากษา ซึ่งเป็นโทษที่เหลือจากที่ได้รับการพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ เหลือโทษจำคุก 1 ปี
โดยช่วงเวลา นายทักษิณ อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นเวลา 180 วัน หรือ 6 เดือน จึงเป็นการอยู่โดยหลบหนีหรือหลบเลี่ยงการจำคุก เนื่องจากไม่มีการรักษาอาการป่วยไข้ จึงไม่อาจนับวันจำคุกตามกฎหมายได้ ต่อมาเมื่อครบ 180 วัน ที่นายทักษิณอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่มีอาการป่วยไข้ที่จำต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงไม่อาจใช้ประโยชน์จากวันที่อยู่ที่โรงพยาบาล นำมานับเป็นวันจำคุกได้
เมื่อไม่อาจใช้ประโยชน์จากวันที่อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ 180 วัน เป็นวันจำคุกดังกล่าวได้ ประกอบกับ นายทักษิณ ไม่ได้มีการป่วยจริง และมีการช่วยเหลือโดยมีการทำรายงานทางการแพทย์เท็จ การพิจารณาพักโทษดังกล่าว จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ต่อมาปรากฎว่า มีการเสนอข่าวสารต่อสาธารณะชนทางสื่อมวลซนทุกแขนง โดยเฉพาะที่ปรากฏ นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.67 และช่วงวันที่ 14-17 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง นายทักษิณ ไม่มีอาการปวยไข้ หรือฟื้นจากการป่วยไข้ให้เห็น คือ บทพิสูจน์ที่ชัดเจนว่านักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ ไม่เคยป่วยไข้ตามที่อ้างกันตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.66
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชนคนไทย เห็นว่า กระบวนการช่วยเหลือนายทักษิณ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.66 ถึงปัจจุบัน เป็นกระบวนการที่ทำลายกระบวนการยุติธรรม อันเป็นเสาหลักของประเทศไทย เป็นการร่วมกันทำลายหลักการยุติธรรมในการลงโทษผู้กระทำผิด ทั้งเป็นการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการทำลายความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรมที่ผู้กระทำผิดกฎหมายจะต้องได้รับการลงโทษเหมือนกันทุกคน และเห็นได้อย่างชัดเจนว่า กระบวนการช่วยเหลือไม่ให้นายทักษิณ ได้รับการลงโทษและการช่วยเหลือให้ได้รับการพักโทษนั้น เป็นการกระทำที่ช่วยกันฟอกคดีทุจริต คอร์รัปชั่น ก่อให้เกิดกระแสคัดค้านและไม่เห็นด้วยจากประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเห็นว่านายทักษิณ ได้ยื่นขออภัยลดโทษโดยอ้างว่าได้สำนึกและยอมรับผิดต่อการกระทำของตนเองไปแล้ว แต่กลับปฏิบัติเหมือนการไม่สำนึกต่อความผิดของตัวเองที่ได้ยื่นขออภัยลดโทษไป เป็นการกระทำที่ย่ำยีกระบวนการยุติธรรมจนเสียหายย่อยยับ ตกต่ำอย่างสุดขีด
อนึ่ง เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ทำหนังสือคัดค้านการพักโทษของนักโทษเด็ดขาดชาย นายทักษิณ ชินวัตร ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วเมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 แต่กลับยังเพิกเฉย จึงขอให้ท่านสั่งการให้นำตัวนักโทษเด็ดขาดชายกลับเข้ามารับโทษจำคุก ซึ่งเป็นโทษที่เหลือจากที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นายทักษิณ ชินวัตร ที่คงเหลือโทษจำคุกอีก 1 ปี ทันที หากไม่ดำเนินการจะถือว่า รมว.ยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และข้าราชการที่เกี่ยวข้องกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ทั้งนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมและรักษาความยุติธรรมแก่กระบวนการยุติธรรมต่อไป
ด้าน นายไพรัตน์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนของกรมราชทัณฑ์มารับหนังสือเนื่องจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ มีราชการต่างจังหวัด ดังนั้น ตนเองจะรับหนังสือดังกล่าวไว้ โดยจะต้องดูเนื้อหารายละเอียดของหนังสือว่ามีคำร้องทุกข์และความต้องการอะไร เพื่อที่จะนำเรียนเสนอผู้บริหารรับทราบต่อไป
หลังจากนั้นมวลชนได้เดินทางกลับไปยัง สะพานชมัยมรุเชษฐ์ พร้อมกันนี้ แกนนำได้แจ้งว่าในวันพรุ่งนี้ (19 มี.ค.) จะเดินทางมายื่นหนังสือที่สำนักงาน ป.ป.ช. ต่อไป