ศาลอาญาคดีทุจริตรับฟ้อง "บริษัททรู" ยื่นฟ้อง "ดร.พิรงรอง รามสูตร" นักวิชาการสื่อสารมวลชน กรรมการ กสทช. ปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ปมให้ขออนุญาต รายการทีวีต่างๆ ผ่านแฟลตฟอร์มมือถือ
ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา10.00 น.วันนี้ (14 มี.ค.) ศาลนัดฟังคำสั่งคดี ที่บริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป ในเครือทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ดร.พิรงรอง รามสูตร นักวิชาการสื่อสารมวลชน กรรมการ กสทช. เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ซึ่งฝ่ายโจทก์มีทนายความ มาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีพนักงานอัยการมาฟังคำสั่งให้
ศาลอ่านคำสั่งสรุปว่า โจทก์ผู้ประกอบกิจการ OTT (over the top) จำเลยเป็นกรรมการ กสทช. และเป็นอนุกรรมการบริหารคลื่นความถี่ตามพ.ร.บ.คลื่นความถี่ มาตรา 25 จึงเป็นเจ้าพนักงานรัฐ
มีปัญหาว่าคดีมีมูลหรือไม่ ในชั้นไต่สวนฟังว่า บริษัททรูฯ โจทก์ ได้ให้บริการที่ กสทช.ยังไม่ได้มีประกาศ หรือออกกฎเกณฑ์ในการกำกับดู และจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าการให้บริการของโจทก์แม้จะถือว่าเป็นการให้บริการประเภท OTT ที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์
เมื่อวันที่ 3 มีค.2565 จำเลยสั่งให้รักษาการรองเลขาธิการ กสทช.ในขณะนั้น ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ จำนวน 127 ราย มีข้อความว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการที่ยังไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ทำให้ผู้ได้รับอนุญาตเข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้รับอนุญาตอาจระงับเนื้อหารายการต่างๆ ที่โจทก์ส่งไปออกอากาศ และอาจทำให้ได้รับความเสียหาย คดีมีมูลจึงให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีดำที่167/2566 เพื่อดำเนินกระบวนการสอบคำให้การ และตรวจหลักฐานต่อไป
สำหรับมูลเหตุการฟ้องคดีนี้เนื่องจากเดิม บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป เป็นผู้บริการแพลตฟอร์มมือถือมีรายการหนัง เเละเพลงรวมทั้งถ่ายทอดรายการทีวีช่องต่างๆ รวมทั้งการสัมภาษณ์นักการเมือง ซึ่งกสทช.ยังไม่ได้มีประกาศ หรือออกกฎเกณฑ์ในการกำกับดู และจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าการให้บริการของโจทก์แม้จะถือว่าเป็นการให้บริการประเภท OTT ที่ไม่ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จึงยังไม่ยื่นขออนุญาต ต่อมา กสทช.ประกาศว่าต้องผ่านการอนุญาต ทางทรูก็ไม่ขัดข้องเพียงแต่เมื่อเข้ากระบวนการอนุญาตก็ต้องปฎิบัติตามกฎหมาย (มีการตรวจเซ็นเซอร์เนื้อหา)เเต่จำเลยเป็นผู้สั่งการให้รักษาการรองเลขาธิการ กสทช.ในขณะนั้น ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ จำนวน 127 ราย มีข้อความว่าโจทก์เป็นผู้ประกอบกิจการที่ยังไม่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ ทั้งที่ขณะนั้นยังไม่ต้องมีการขอใบอนุญาต พร้อมมีการกล่าวถ้อยคำในที่ประชุมที่มีถ้อยคำเป็นเหตุบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ได้รับความเสียหาย