MGR Online - เลขา ป.ป.ส. เผยยินดีรับฟัง “ผู้การแต้ม” ยื่นตรวจสอบครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด ขอยึดหลักกฎหมายถือเป็นผู้เสพ หวังให้โอกาสผู้ป่วยคืนสู่สังคม
จากกรณี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ หรือ “ผู้การแต้ม” อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยื่นร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุขที่กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 หรือกฎหมายใหม่ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าการครอบครองยาเสพติดต่ำกว่ากำหนด เช่น ยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดหรือยาไอซ์ไม่เกิน 100 mg เป็นการครอบครองเพื่อเสพ ให้ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้ป่วย ว่าเป็นกฎกระทรวงที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใดหรือไม่ อันนำมาสู่การสั่งเพิกถอนกฎกระทรวงต่อไป
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ตนไม่มีความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการยื่นให้ตรวจสอบกฎหมายดังกล่าว เพราะว่าตนเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ใช่ influencer แต่ถึงยังไงความเห็นของ influencer หากพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ไม่มีผิดถูก พร้อมยืนยันว่า ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อปี 2564 นั้น ถือว่าเป็นหลักกฎหมายที่สอดคล้องกับสากลและสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้จริง
“ขอเน้นย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่ครอบครองยาบ้า 5 เม็ด หรือยาเสพติดจำนวนที่กฎหมายกำหนด จะไม่ได้รับโทษหรือไม่มีความผิด ซึ่งจริงๆ แล้วผู้ครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดหรือยาเสพติดจำนวนที่กฎหมายกำหนด ยังคงมีความผิดตามกฎหมาย แต่ให้สันนิษฐานไว้ว่าเป็นผู้เสพ เพื่อเพิ่มทางเลือกว่า หากสมัครใจเข้ารับการบำบัดจนหายขาดและแพทย์รับรอง ก็จะไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย แต่หากไม่สมัครใจเข้ารับกระบวนการบำบัด ก็ยังคงมีความผิดฐานครอบครองยาเสพติด”
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบนี้ถือว่าตรงจุดแล้วและเชื่อแน่นอนว่าจะไม่เพิ่มจำนวนพ่อค้ารายย่อยตามชุมชนต่างๆ อย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมานั้น ปัญหาสำคัญหลังจากประกาศใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ คือการไม่ใส่ใจและจริงจังของหน่วยงานราชการจนทำให้ผู้เสพซึ่งถือว่าเป็นผู้ป่วยนั้น ไม่ได้เข้าสู่กระบวนการบำบัดอย่างถูกต้องและกระบวนการบำบัดก็ไม่จริงจัง จนเกิดปัญหาผู้เสพหลุดออกมาคลุ้มคลั่งตามที่ปรากฏในข่าว
เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเสริมว่า รัฐบาลปัจจุบันได้เพิ่มความเข้มงวดและสั่งการมายัง ป.ป.ส. ให้แก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามกฎหมายใหม่ โดยเฉพาะการนำผู้เสพยาตามชุมชนต่างๆ เข้าสู่กระบวนการบำบัด เพื่อคืนสู่สังคม ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาอาจจะมองว่ากระบวนการบำบัดผู้เสพยาเสพติดไม่ได้ผล ก็เนื่องจากความไม่จริงจังของภาครัฐในสมัยก่อนและการนำผู้เสพไปบำบัด แต่ไม่ได้ติดตามผลอย่างต่อเนื่องและไม่ได้ให้โอกาสเขากลับคืนสู่สังคม จนทำให้ขาดทางเลือก แล้วกลับไปเสพยาเสพติดอีกครั้ง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ระบุว่า การแก้ไขยาเสพติดด้วยวิธีการเปิดใจให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงปัญหาและพูดคุยกับประชาชนในชุมชนต่างๆ นั้น จะสามารถแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างจริงจังมากกว่าการสั่งการอย่างเดียว เพราะถึงแม้ว่าการสั่งการทำให้ยาเสพติดลดลง แต่ก็ไม่ช่วยทำให้ผู้เสพลดลง ดังนั้นจึงมองว่า การที่ผู้การแต้มให้ความเห็นว่าไม่มีการบำบัดอย่างจริงจังและแก้ปัญหาไม่ถูกจุดนั้น ก็ถือว่าเป็นความคิดเห็นของผู้การแต้ม ซึ่งตนยินดีรับฟังและก็ให้เกียรติในฐานะที่เป็นอดีตนายตำรวจ แต่ยืนยันว่า ทุกวันนี้ ป.ป.ส.และรัฐบาลก็ปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มงวดด้วยหลักสากลและพร้อมที่จะไปให้ข้อมูลกับผู้ตรวจการแผ่นดินในเชิงวิชาการ หากได้รับเชิญไปให้ข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาตรวจสอบกฎกระทรวงดังกล่าว