รอง ผบช.สอท.แถลงปฏิบัติการ “Cyber Guard II” กวาดล้างปืนเถื่อนออนไลน์ จับผู้ต้องหา 37 คน ยึดปืน 44 กระบอก กระสุนกว่า 3 พันนัด
ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง.ผบช.สอท. พล.ต.ต.จิระวัฒน์ พยุงธรรม รอง ผบช.สอท. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รอง ผบก.สอท.2 แถลงข่าวปฏิบัติการ “Cyber Guard II” กวาดล้างปืนเถื่อนออนไลน์ จับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 37 คน ยึดของกลางอาวุธปืน 44 กระบอก แบ่งเป็นปืนมีทะเบียน 9 กระบอก ไม่มีทะเบียน 35 กระบอก กระสุนปืนและกระสุนปืนอาวุธสงคราม รวม 3,678 นัด
โดยพล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ เนื่องจากในปัจจุบันมีกลุ่มผู้ค้าขายปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนผ่านช่องทางออนไลน์เป็นจํานวนมาก ซึ่งจากการตรวจค้นและกวาดล้างเครือข่ายซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ปทุมธานี นนทบุรี และสมุทรสาคร โดยผู้ต้องหารายสําคัญที่จับได้คือ นายจักรินทร์ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย ปัจจุบันอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี สืบสวนพบใช้บัญชีเฟซบุ๊กไม่ยืนยันตัวตน ในการโพสต์ขายอาวุธปืนผิดกฎหมายตั้งแต่ประมาณปลายปี 2566 เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดชลบุรี ก่อนนํากําลังเข้าตรวจค้น โดยนายจักรินทร์ มีอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ก่อนจะเอ่ยปากยอมรับและนำเข้าตรวจยึดอาวุธปืนยาวและกระสุนปืนประเภทต่างๆ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับผลิตและดัดแปลงอาวุธปืน พร้อมยอมรับว่าเคยขายอาวุธปืนที่ผลิตขึ้นเองไปบ้างแล้วก่อนหน้าที่จะถูกจับกุม
ส่วนกระสุนปืนที่พบว่าเป็นกระสุนปืนอาก้าหรือกระสุนปืนอาวุธสงครามนั้น เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบบรรจุอยู่ในในถุงดําไม่มีกล่องจึงไม่ทราบแหล่งที่มาว่านํามาจากที่ใด เนื่องจากไม่มีเลขกํากับจึงไม่แน่ชัดว่าเป็นของหน่วยงานราชการหรือไม่
ทั้งนี้ พล.ต.ต.จิระวัฒน์ กล่าวว่า อาวุธปืนของที่นํามาวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีทั้งปืนจริงและปืนแบลงค์กันทีานํามาดัดแปลงจนสามารถใช้ยิงกระสุนจริงได้ ซึ่งถือเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน โดยทาง บช.สอท. ยืนยันว่าจะเดินหน้ากวาดล้างเครือข่ายและกลุ่มลักลอบซื้อขายอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนเถื่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
