รอง ผบ.ตร.แถลงผลตำรวจ ปส.จับกุม 9 เครือข่ายยาเสพติด ผู้ต้องหา 21 คน ยึดยาบ้ารวม 14 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,250 กก. ยึดทรัพย์อีก 2 ล้านบาท
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส. พล.ต.ท.คีรีศักดิ ตันตินวะชัย ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงผลการจับกุมนักบิน 9 เครือข่ายรวม 9 คดี จับกุมผู้ต้องหา 21 คน ยึดยาบ้ารวม 14,407,600 เม็ด และ ไอซ์ 1,250 กก. ยึดทรัพย์ของกลางมูลค่า 2 ล้านบาท
โดยคดีที่แรก เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 หน่วยปราบปรามยาเสพติดนานา จับกุม 4 ผู้ต้องหา “เครือข่าย เอก สายใต้” หลังรับแจ้งจากสายลับว่าขบวนการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมลักลอบนำยาเสพติดจากพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ไปส่งทางภาคใต้ โดยใช้รถกระบะ สีขาว ทะเบียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และรถยนต์ สีดำ ทะเบียนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตรวจสอบพบรถเป้าหมาย 2 คันขับมุ่งหน้า จ.เชียงใหม่ วันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่า มีการขับลักษณะตามกันเป็นขบวนผ่าน จ.ลำพูน-ลำปาง-นครสวรรค์-อุทัยธานี มุ่งหน้า จ.สุพรรณบุรี ชุดจับกุมจึงกระจายกำลังติดตามในเส้นทางลำเลียง กระทั่งพบรถยนต์จอดริมถนนหมายเลข 3043 ต.วังคัน อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ตำรวจจึงขอเข้าตรวจค้น มีนายซี (นามสมมุติ) ผู้ขับขี่ นายดี (นามสมมุติ) โดยสารมาด้วย ตรวจค้นพบยาบ้า 488 มัด รวม 976,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในรถ ด้านรถกระบะอีก 1 คัน รู้ว่าถูกติดตามจึงขับรถหลบหนี มุ่งหน้า อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ชุดจับกุมจึงประสานตำรวจ สภ.อู่ทอง ช่วยสกัดจับไว้ได้บริเวณแยกอู่ทอง ถ.มาลัยแมน ต.อู่ทอง อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พบนายเอ (นามสมมุติ) ผู้ขับขี่ และนายบี (นามสมมุติ) โดยสารมาด้วย จากพฤติการณ์ของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้ ตำรวจเชื่อว่าอาจจมียาเสพติดถูกซุกซ่อนอยู่ที่บ้านพักจึงประสานตำรวจ กก.4 บก.สกส โดยอาศัยอำนาจเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เพื่อเข้าตรวจค้นบ้านพัก พื้นที่ ม.1 ต.ไร่เก่า อ.สามร้อยยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้นพบยาบ้ารวม 5,600 เม็ด อยู่ในกระดาษชุบเทียนไขมีสัญลักษณ์ดาวห้าดวง ใต้ดาวมีเลข 888 และรูปเสือซุกซ่อนในถุงสีดำ ถูกฝังดินไว้ข้างคอกไก่หลังบ้าน ด้าน นายภิญโญ ยอมรับว่าเป็นยาเสพติดของตนเอง รวมยาบ้า 981,600 เม็ด
คดีที่ 2 วันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.1 บก.ปส.1 หน่วยปราบปรามยาเสพติดนานา สืบทราบว่ามีเครือข่ายเตรียมลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่จังหวัดเชียงราย ไปส่งกลุ่มผู้จำหน่ายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยใช้รถยนต์ สีแดง หมายเลขทะเบียนจังหวัดขอนแก่น จากการตรวจสอบพบรถยนต์ขับขี่มุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงราย จนวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ขับลงมาจากทางภาคเหนือ ผ่านจังหวัดเชียงราย-พะเยา-แพร่-ลำปาง-กำแพงเพชร-นครสวรรค์ มุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร ตามถนนหมายเลข 32 สายเอเชีย กระทั่งเวลา 00.20 น.ของ ที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา ชุดจับกุมได้ประสานตำรวจทางหลวงหน่วยบริการประชาชนอ่างทอง ตั้งจุดสกัดเพื่อทำการหยุดรถยนต์เป้าหมาย พบนายเอฟ (นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ ตรวจค้นรถพบยาบ้า อยู่ในกระสอบสีรุ้งจำนวน 5 กระสอบ 500 มัด รวม 1,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก สีดำตราแอปเปิล ห่อด้วยกระดาษสีขาวมีตราสัญลักษณ์รูปดาวห้าดวงและเลข 999 บนมัดยา ทั้งนี้ นายเอฟ (นามสมมุติ) เป็นสมาชิกของ “เครือข่าย ซาตานบ้าพลัง999” ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างการขยายผลติดตามเครือข่ายที่เหลือมาดำเนินคดี
คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่มีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือนำไปส่งต่อให้กับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ จนทราบว่ากลุ่มเครือข่ายดังกล่าวจะใช้รถยนต์กระบะบรรทุกในการลำเลียงยาเสพติด กลางดึกของวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.50 น. ตำรวจพบรถกระบะบรรทุกเสริมโครงเหล็ก สีเทา ทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณท้ายกระบะว่างเปล่า ขับมุ่งหน้าบ้านแม่อ้อใน ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ต่อมาเวลา 02.00 น. รถเป้าหมายขับออกมาจากพื้นที่ มุ่งหน้า อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ พบมีการบรรทุกพืชผลทางการเกษตรมาเต็มท้ายกระบะ กระทั่งช่วง 04.00 น. ได้ขับมาถึงบริเวณด่านตรวจแม่ทา ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ต.ทาสบเส้า อ.แม่ทา จ.ลำพูน ตำรวจจึงเรียกให้หยุดรถเพื่อสอบถาม พบนายเอ (นามสมมุติ) เป็นคนขับ และนายบี (นามสมมุติ) โดยสารมาด้วย สารภาพว่าได้ลำเลียงยาเสพติดบริเวณท้ายรถกระบะจริง โดยได้นำผักกาดขาว วางปิดทับมาเพื่ออำพรางการตรวจค้น ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นพบไอซ์ น้ำหนัก 1,200 กิโลกรัม
คดีที่ 4 จากการสืบสวนของตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ทราบมาว่า นายแบงค์ (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นบุคคล ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 572/2563 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2563 จะจำหน่ายไอซ์ จำนวนมาก ชุดจับกุมจึงวางแผน เข้าติดต่อซื้อขาย จนวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา ชุดล่อซื้อได้รับแจ้งจาก นายแบงค์ ว่าจะส่งลูกน้อง 2 คน มาเจรจาซื้อขายยาเสพติด กระทั่งวันที่ 20 ก.พ.ที่ผ่านมา ติดต่อนัดพบชุดล่อซื้อที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อตรวจสอบเงิน หลังจจากนั้น ได้แจ้งพิกัดของยาเสพติดหลังถูกวางไว้บริเวณหลังป้ายประกาศห้ามทิ้งขยะ หมู่ 3 ต.อุโมงค์ อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน จากนั้นชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบพิกัดที่รับแจ้งพบไอซ์ 2 กระสอบ กระสอบละ 25 ก้อน รวมจำนวน 50 ก้อน น้ำหนัก 50 กิโลกรัม ขณะเดียวกันชุดสืบสวนอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในบริเวณร้านกาแฟ จึงเข้าแสดงตัวจับกุมลูกน้องของนายแบงค์ (นามสมมุติ) ทราบชื่อภายหลังคือ นายเค (นามสมมุติ) และ นายแจ๊ค (นามสมมตุิ)
คดีที่ 5 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนพบเครือข่ายยาเสพติด จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดน เข้ามาส่งในพื้นที่ตอนใน กระทั่งวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลา 15.00 น. ทราบว่าจะส่งมอบยาเสพติดบริเวณถนน ชุดสืบสวนจึงตรวจสอบ พบรถกระบะ ทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ จอดริมถนนสาธารณะ หมายเลข 107 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และคนขับรถได้ลงมายกกระสอบนำไปวางไว้ข้างๆ หลักกิโลเมตรที่ 158 ก่อนจะขับขี่รถออกไปตามเส้นทาง อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ตำรวจส่วนหนึ่งจึงติดตามรถกระบะไปและสามารถจับกุมนายเอ (นามสมมุติ) ผู้ต้องหา ได้บริเวณสี่แยกไฟแดงโค้งเจ๊ทา หมู่ 4 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตำรวจอีกส่วนหนึ่งได้เข้าพิสูจน์ทราบกระสอบต้องสงสัยพบเป็นยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด
คดีที่ 6 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สืบสวนเครือข่ายยาเสพติดมีพฤติการณ์ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน นำไปส่งต่อให้กับกลุ่มนักค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ กระทั่งช่วง 05.00 น. วันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวเครือข่ายขับรถกระบะเดินทางมารับยาเสพติดมุ่งหน้า ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งบริเวณท้ายกระบะมีการเสริมโครงเหล็กสูงข้างในบรรทุกกระสอบเสมอคอกเหล็ก จนช่วงเช้าของวันเดียวกันพบรถกระบะสีเทา ทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ จอดบริเวณหน้าร้านขายของชำ บริเวณแยกปิงโค้ง-พร้าว ทางหลวง 1150 ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก่อนที่คนขับจะเดินเข้าร้านขายของชำ ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม สอบถามทราบชื่อคนขับคือ นายบี (นามสมมุติ) ระบุว่าบรรทุกกระสอบข้าวโพดที่มีการซุกซ่อนยาเสพติดจริง ตรวจสอบพบยาบ้า 7,920,000 เม็ด
คดีที่ 7 ตำรวจ บก.ปส.4 ได้สืบสวนพบเครือข่ายค้ายาเสพติด จะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางไปส่งในภาคใต้ โดยใช้รถ 2 คัน กระทั่งพบรถเป้าหมายคือ รถกระบะ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร และรถยนต์ หมายเลขทะเบียนกรุงเทพมหานคร ขับเข้ามาในพื้นที่ จว.ชุมพร จึงประสานให้ตั้งด่านสกัดกั้นบริเวณสี่แยกปากคลอง ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร แต่เมื่อรถกระบะขับเข้าด่านกลับเร่งเครื่องเพื่อหลบหนี ก่อนจะเสียหลักตกลงไปบริเวณคอสะพานคลองน้ำดำ ชุดจับกุมจึงเข้าตรวจสอบพบยาบ้า 1,600,000 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถกระบะ แต่ไม่พบผู้ขับขี่ ตำรวจจึงกระจายกำลังค้นหาบริเวณโดยรอบกระทั่งจับกุมตัว นายแม็ก (นามสมมุติ) ได้หลังซ่อนตัวอยู่ในโพรงหญ้า สอบสวนสารภาพว่าเป็นผู้ขับขี่รถกระบะบรรทุกยาบ้ามาจริง ส่วนรถยนต์ซึ่งทำหน้าที่สำรวจเส้นทางสามารถติดตามได้ที่ปั๊มน้ำมันพีทีปะทิว ขาล่องใต้ ต.เขาไชยราช อ.ปะทิว จ.ชุมพร พร้อมจับกุม นายเอ (นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่และนายบี (นามสมมุติ) ผู้โดยสารมาด้วย
คดีที่ 8 ระหว่างที่ ตำรวจ บก.ปส.4 ร่วมกับตำรวจในพื้นที่สนธิกำลังตั้งด่านตรวจบริเวณริมถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ -ชุมพร) หน้าด่านตรวจยานพาหนะชุมพร พบรถยนต์ สีขาว ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ อยู่ในระบบเฝ้าระวังขับผ่านมา มี นายซี(นามสมมุติ) เป็นผู้ขับขี่ และนายดี (นามสมมุติ) โดยสารมาด้วย ชุดจับกุมจึงเรียกให้หยุดรถ ก่อนจะนำรถเข้าด่านตรวจฯ เพื่อตรวจค้นระหว่างตรวจค้น 2 หนุ่ม แสดงอาการมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงตรวจหาสารเสพติดในร่างกายพบผลเป็นบวก ก่อนนำรถยนต์เข้าเครื่องเอกซเรย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด พบวัตถุลักษณะเป็นก้อน เชื่อว่าเป็นยาเสพติด ซุกซ่อนในช่องลับที่ถูกดัดแปลงท้ายรถยนต์พบยาบ้า 706,000 เม็ด สอบสวนทั้ง 2 สารภาพว่าถูกว่าจ้างให้ขนยาบ้าจากเมืองหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว เพื่อไปส่งให้ลูกค้าที่ จ.สงขลา
คดีที่ 9 ตำรวจ บก.สกส. ตำรวจ บก.ปส.3 ตำรวจ บก.ขส.บช.ปส.และ ตำรวจภูธรภาค 6 ร่วมกันจับกุม 5 ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด สืบเนื่องจาก บก.สกส. รับแจ้งว่ามีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ ดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่งวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา พบความเคลื่อนไหวของรถเป้าหมาย 3 คัน ในลักษณะขับตามกันเป็นคาราวาน กระทั่งสามารถจับกุมนายเอ (นามสมมุติ) และนายบี (นามสมมุติ) ได้ที่บริเวณริมถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ (ถนน 206) กม.2 ต.กลางแดด อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ พร้อมรถกระบะ ทะเบียนจังหวัดกำแพงเพชร ที่ซุกซ่อนยาบ้าไว้ 800 มัด รวม 1,600,000 เม็ด ส่วน นายดี (นามสมมุติ) ถูกจับกุมพร้อมรถยนต์ ทะเบียนจังหวัดพิษณุโลก บริเวณแยกยอเซฟ ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร สารภาพนำยาบ้าไปทิ้งไว้ในป่ามันใกล้บึงบอระเพ็ด ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบพบยาบ้า 200 มัด รวม 400,000 เม็ด