รอง ผบ.ตร.แถลงผลตำรวจภูธรภาค 1 จับกุม 2 ผู้ต้องหาเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือ ยึดยาบ้า 10 ล้านเม็ด
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 ร่วมแถลงข่าว ผลการจับกุมเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือลงสู่พื้นที่ภาคกลาง สามารถตรวจยึดยาบ้าของกลางได้จำนวนกว่า 10,000,000 เม็ด มูลค่า 300 ล้านบาท
โดยปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นปฏิบัติการร่วมกันระหว่าง ตำรวจภูธรภาค 1 เจ้าหน้าที่ทหาร และ ฝ่ายปกครอง ที่ได้ขยายผลจากการจับกุมยาเสพติด ที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยพบว่ามีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดทางพื้นที่ตอนเหนือของประเทศไทยเข้าก็มาสู่บริเวณและปริมณฑล ในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ต่อมาได้เฝ้าระวังและติดตามหลังทราบการข่าวว่า ขบวนการดังกล่าวได้ว่าจ้างให้ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
กระทั่ง วันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.15 น. ขบวนการดังกล่าวได้ลำเลียงยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยรถบรรทุก และใช้รถกระบะเป็นรถนำทาง เมื่อเข้าไปจอดในปั๊ม หัวหน้าชุดปฏิบัติการได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น จนพบยาเสพติดบรรจุอยู่ในรถบรรทุกจำนวนมากถึง 10,000,000 เม็ด พร้อมจับกุมผู้ต้องหาสองรายคือ นายจรัส หรือคิว อายุ 47 นายธีรนันท์ หรือเค อายุ 45 ปี
จากการสอบสวน นายจรัส และนายธีรนันท์ ยอมรับว่าได้ร่วมกันขับรถบรรทุกยาเสพติดเดินทางจาก จ.พะเยา มาส่งมอบให้กับผู้รับในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายจรัส จะได้รับค่าจ้างเป็นเงิน จำนวน 200,000 บาท และนายธีรนันท์ จะได้รับค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 30,000 บาท และได้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสองแล้วพบว่า นายจรัส เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในฐานความผิดเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 สภ.เวียงสา ภ.จว.น่าน
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการเพิ่มโทษกับผู้ที่ถูกจับกุมดำเนินคดี ในความผิดฐานยาเสพติดมาก่อนด้วย ตามนโยบายของ พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยหลังจากนี้ตำรวจภูธรภาค 1 จะประสานกับ บช.ปส. และ ป.ป.ส. เพื่อเน้นดำเนินการขยายผลต่อไป ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของยาเสพติดในท้องตลาดที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านบาท