พี่ชายพร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด จุดธูปเรียกน้องชายเสียชีวิตปริศนา ให้เข้าฝันเพื่อคลี่คลายคดีหากถูกฆาตรกรรม
จากกรณีนายอรรถวิทย์ ชะลุยรัตน์ อายุ 48 ปี ได้นำหลักฐานกล้องวงจรปิดเดินทางเข้าร้องเรียนกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณีติดใจการเสียชีวิตของน้องชาย ทราบชื่อคือ นายนิรุจน์ ชะลุยรัตน์ อายุ 46 ปี ได้เสียชีวิตจมกองเลือดอยู่ภายในห้องนอนในหมู่บ้านหรูย่านถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด ต.นนทบุรี โดยพบศพเมื่อวันที่ 27 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 28 ม.ค.67 แพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ได้ระบุสาเหตุการตายว่า กระโหลกศีรษะแตก และพบกระดูกสันหลังส่วนคอและอกหัก จึงติดใจสาเหตุของการเสียชวิตของน้องชายว่าอาจถูกคนร้ายฆาตรกรรมจึงนำเรื่องมาร้องเรียนกับเพจ สายไหมต้องรอด เพื่อติดตามคดี
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 ก.พ.67 ทีมงานสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยนายอรรถวิทย์ ชะลุยรัตน์ อายุ 48 ปี ได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุภายในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง ย่านถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบว่าเป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น เนื้อที่ประมาณ 24 ตารางวา บริเวณหน้าประตูบ้านทางญาติของผู้เสียชีวิตได้ประกาศติดป้ายขายบ้านหลังดังกล่าว
ภายในห้องนอน คือจุดที่พบศพเสียชีวิตทราบชื่อคือ นายนิรุจน์ ชะลุยรัตน์ อายุ 46 ปี นอนอยู่ที่บริเวณหน้าห้องน้ำชั้น 2 ซึ่งพบว่าญาติได้เข้ามาทำความสะอาด ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เขาพิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว โดยถายในห้องข้าวของเครื่องใช้วางกระจัดกระจายอยู่ บริเวณข้างเตียงนอนข้างซ้ายพบดัมเบลน้ำหนักกว่า 50 กก. วางอยู่ 1 อัน
นายอรรถวิทย์ กล่าวว่า การที่ตนออกมาเปิดหน้าเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับน้องชายของตนนั้น ถ้าหากว่าคนร้ายยังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านจริงๆ ตนก็ไม่ได้กังวลในเรื่องของความปลอดภัย เพราะต้องการหาความเป็นธรรมให้กับน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้วก่อนที่จะจุดธูปบอกให้น้องชายมาเข้าฝัน เพื่อบอกกล่าวเรื่องราวที่เกิดขึ้น ส่วนเพื่อนบ้านที่ยังรู้สึกหวาดระแวง ที่จะให้ข้อมูลนั้น ตนก็เข้าใจและเคารพสิทธิเสรีภาพเป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้ความรู้สึกของตนก็ยังคงสงสัยสาเหตุของการเสียชีวิตของน้องชายว่าอาจมีคนกระทำให้เสียชีวิตหรือไม่อย่างไร ตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจะดำเนินการเต็มที่เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ในวันนี้ที่พาทีมงานสายไหมต้องรอดมาจุดเกิดเหตุก็ยังไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต และในด้านคดีความตนก็ได้โทรคุยประสานกับตำรวจอยู่ตลอด แต่ตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับรายงานหรือความคืบหน้าทางคดีใดๆ วันนี้ได้นำธูปมาจุดตามความเชื่อหวังว่าน้องชายจะมาชี้นำให้ครี่คลายคดี หากไม่มาตนก็ไม่ได้ว่าอะไรซึ่งจุดประสงฆ์หลักก็คืออยากให้น้องชายไปสู่สุขติ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับทาง ร.ป.ภ.ในหมู่บ้าน ได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว แต่ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ โดยกล่าวว่า ผู้ตายได้มาพูดกับตนที่หน้าป้อมร.ป.ภ.หลายครั้งว่ามีความเครียดเรื่องเงินไม่พอใช้ อยากจะขายบ้านหลังดังกล่าวเพื่อนำเงินที่เหลือไปต่อยอด ซึ่งก่อนผู้ตายเสียชีวิตตนเห็นผู้ตายทำงานอยู่บ้านขายของออนไลน์ อยู่คนเดียวมาตลอดๆ เป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร พร้อมทั้งตนได้ข้อมูลมาว่าผู้ตายได้พูดคุยกับร้านข้าวภายในหมู่บ้านอีกด้วยว่าเงินไม่พอใช้ให้ช่วยประกาศขายบ้านให้ ซึ่งส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะจบชีวิตด้วยสาเหตุเรื่องเงินไม่พอใช้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดตามความคืบหน้าคดีกรณีดังกล่าวกับทางพ.ต.ท.ติรัส ตฤณเตชะ รอง ผกก.สส.สภ.ปากเกร็ด เปิดเผยว่า ในด้านคดีเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบไล่กล้องวงจรปิด ทุกตัวในหมู่บ้านดังกล่าวตั้งช่วงหลังเกิดเหตุ พบว่าภายในบ้านผู้ตายไม่มีบุคคลอื่น เข้าหรือออกภายในบ้านนอกจากผู้ตาย ซึ่งทางตำรวจก็ยังคงไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ซึ่งทางญาติของผู้เสียชีวิตตอนนี้ได้ติดใจในเรื่องของผลนิติเวช สาเหตุถึงการเสียชีวิต พบว่าผู้ตายกระดูกหัก ทางตำรวจฝ่ายสืบสวนก็ได้ทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมข้างบ้านไปทั้งหมดแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ทางพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำเพิ่มเติม รวมถึงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป