MGR Online - “บิ๊กหลวง” แจง ผู้เสพมียาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดนำเข้าบำบัด หากหลบหนีออกหมายจับ ด้าน “ผบช.ปส.” เผยดูพฤติการณ์-มีหลักฐานบ่งชี้ อาจเข้าข่ายผู้ค้าแทน
วันนี้ (13 ก.พ.) ที่สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง กรุงเทพฯ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยกรณีการประกาศกฎกระทรวงสาธารณสุข กำหนดปริมาณยาเสพติดให้โทษและวัตถุออกฤทธิ์ที่สันนิษฐานว่า มีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ พ.ศ.2567 ในการครอบครองยาบ้าไม่เกิน 5 เม็ด เป็นผู้เสพ ว่า เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นผู้เสพ โดยกฎกระทรวง ออกมาเพื่อรองรับประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 107 วรรค 2 ต้องนำตัวเข้ารับการบำบัดถือเป็นการลงโทษทางปกครอง แต่มีการตรวจประวัติหากไม่พบพฤติการณ์เคยค้ายาเสพติดจะส่งบำบัดรักษาทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนของศาล ใช้เวลา 2-3 เดือน ต้องมารายงานตัว ตรวจปัสสาวะจนครบกำหนดจึงจะสามารถออกหนังสือรับรองได้ แต่ระหว่างการรายงานตัวหากพบพฤติการณ์หลบหนีก็จะมีความผิดฐานครอบครองเพื่อเสพและออกหมายจับในภายหลัง
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เผยว่า สำหรับข้อแตกต่างของกฎกระทรวงฉบับใหม่ คือ ผู้ครอบครองยาบ้า 5 เม็ดและเข้ารับการบำบัดจะไม่มีประวัติอาชญากร ซึ่งต่างกับกฎหมายยาเสพติดฉบับเก่าที่แม้ว่าครอบครอง 1 เม็ดก็จะถูกส่งศาลลงประวัติเคยมีโทษซึ่งก็จะส่งผลต่อการประกอบอาชีพ ทั้งนี้ การจำแนกประเภทความรุนแรงของผู้เสพ โดยเฉพาะกลุ่มสีส้ม-สีแดงที่มีอาการป่วยทางจิตเวช หากมีจำนวนมากเกินไปก็จะเล็งใช้พื้นที่ทหารนำผู้ป่วยเข้าฟื้นฟูสภาพจิตใจและร่างกายเพื่อเป็นการบำบัดก่อนพากลับคืนสู่สังคม ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นเพียงการพิจารณา ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดมีจำนวนมากเพียงใด
ด้าน พล.ต.ท.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ระบุว่า กฎกระทรวงสาธารณสุข ออกมาเพื่อแยกคน 2 กลุ่ม คือ 1.ต้องนำไปบำบัด และ 2.นำไปเรือนจำ โดยถ้าครอบครองยาบ้า 6 เม็ดขึ้นไปก็ให้ไปรับโทษจำคุก แต่ก็ต้องดูพฤติการณ์และประวัติ แม้ถูกจับเพียง 1 เม็ดแต่หากเคยมีประวัติการค้าหรือหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเป็นการขายจะถูกแจ้งข้อหาฐานค้ายาเสพติด ไม่ใช่มีไว้เพื่อเสพ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวขอให้ดูสถิติในช่วงไตรมาสแรก หากพบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ค้าเปลี่ยนไป เช่น หากพบสถิติผู้ต้องหาเสพไม่เกิน 5 เม็ดมากกว่าสถิติจับกุมผู้ค้าก็จะมีการเสนอบอร์ดคณะกรรมการ ป.ป.ส.ให้พิจารณาหลักเกณฑ์จาก 5 เม็ดเหลือ 3 เม็ด