xs
xsm
sm
md
lg

จำเลยคดีหุ้น STARK 2 ราย คอตกนอนเรือนจำ ส่วนทายาทสีหมื่นล้านเบี้ยวนัด อัยการประสานดีเอสไอตามจับ เชื่อมีพฤติการณ์หลบหนี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


 กลุ่มผู้เสียหายและที่ปรึกษากฎหมาย
 ศาลอาญาประทับฟ้อง 2 จำเลยคดีหุ้น STARK ฉ้อโกงประชาชน-ฟอกเงินฯ นัดตรวจหลักฐาน 10 มิ.ย.นี้ ผู้เสียหายเรียกร้องเจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบ’วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ’ ทายาทสีหมื่นล้านป่วยกะทันหัน ด้านอัยการคดีพิเศษส่งหนังสือด่วนถึง อธิบดีดีเอสไอตามจับมาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี ชี้มีพฤติกรรมหลบหนี ส่วนจำเลยคดีหุ้น STARK  2 ราย  คอตกนอนเรือนจำ 

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 ได้นำตัว น.ส.ยสบวร อำมฤต ผู้ต้องหาที่ 11, นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 5 คดีทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯข้อหายักยอกทรัพย์และข้อหาฟอกเงิน มูลค่าของความเสียหาย 1 หมื่นกว่าล้านบาท ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ภายหลังก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ยื่นฟ้องไปเเล้ว 7 ราย

ส่วนนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทายาทตระกูลธุรกิจสีชื่อดัง ทราบนัดเเต่ไม่เดินทางพบพนักงานอัยการโดยมีรายงานว่าได้ประสานผ่านทางทนายความขอเลื่อนเนื่องจาก มีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน

มีรายงานว่าสำนักงานอัยการคดีพิเศษ 1 ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เพื่อขอให้ตามตัวผู้ต้องหามาส่งให้อัยการ ระบุว่า ตามที่ดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 57/2566 กล่าวหา นายชนินทร์ เย็นสุดใจ กับพวก รวม 12 คน ผู้ต้องหาในความผิดฐานกรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, ร่วมกันกระทำการลงข้อความเท็จในบัญชีหรือเอกสาร ของบริษัทร่วมกันทุจริตหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความนเป็นเท็จแก่ประชาชนหรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนและโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงจัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลโดยมิชอบเบียดบังทรัพย์สินเป็นของตนเองหรือผู้อื่นแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไปยังอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อพิจารณา

ต่อมา อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้พิจารณาสำนวนคดีแล้วมีคำสั่งฟ้อง นายวนรัชต์ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานเป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทกระทำโดยทุจริต ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 89/7จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายหรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ,ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมกรบริษัทย่อยและผู้บริหารบริษัทย่อย, กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตาม พ.ร.บ.นี้ โดยทุจริต ร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควร บอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ , กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพรบ.นี้ กระทำหรือยินยอมให้กระทำ(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสาร หรือหลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าว หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว 2.ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้หรือลวงบุคคลใดๆ , ร่วมกันโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 41,343 แต่เนื่องจากนายวนรัชต์ ผู้ต้องหาที่ 2 หลบหนีไม่มารายงานตัวตามกำหนดนัด จึงขอให้ท่านจัดการติดตามให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหาที่ 2 อยู่ต่างประเทศให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141 วรรคท้าย (ส่งผู้ร้ายข้ามเเดน)โดยให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน

ภายหลังพนักงานอัยการยื่นฟ้องศาลอาญาประทับฟ้องคดีไว้พิจารณาหมายเลขดำอ.433/2567 สอบคำให้การจำเลยทั้งสองแล้วให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ศาลจึงนัดตรวจหลักฐาน วันที่ 10 มิ.ย.นี้ เวลา13.30 น.

นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายผู้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายกลุ่มรวมพลังหุ้นกู้สตาร์ค เปิดเผยว่า วันนี้อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาเพิ่มเติมเข้ามาในคดี 2 ราย คือ นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นผู้ที่รู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องยอดซื้อยอดขายซัพพลายเออร์

ส่วนน.ส.ยสบวร อำมฤต ผู้ต้องหาที่ 11 บ้างก็ว่าเป็นเลขาฯบ้างก็ว่าเป็นเหมือนกับมือขวาของ นายชนินทร์ ซึ่งได้หนีไปต่างประเทศแล้ว ซึ่งทั้งสอง 2 คน ไม่ใช่ตัวผู้บริหารระดับสูงสุดไม่ใช่ผู้ที่ตักตวงผลประโยชน์สูงสุด แต่เป็นผู้ที่ทำงานให้กับผู้ที่อาจจะได้รับผลประโยชน์สูงสุด วันนี้เรามีคำถามว่ารายที่ควรจะต้องถูกอัยการฟ้องก็คือนายวนรัชต์ แต่กลับไม่มาในวันนี้ กระแสข่าวบอกว่ามีอาการหัวใจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดโดยด่วน มีการส่งใบรับรองแพทย์มา เราก็ฝากความหวังผ่านสื่อมวลชนให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐช่วยติดตามตัวมา เพราะเราอยากให้เขาเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจในชั้นศาล อยากให้มาเปิดเผยข้อมูลให้เราว่าที่บอกจะช่วยเหลือผู้เสียหาย จะช่วยเหลืออย่างไร และที่ผ่านมาท่านปล่อยปละละเลยอย่างไร ถ้าท่านแสดงความบริสุทธิ์ใจ แสดงความสุจริตใจที่จะยอมรับผิดสำนึกผิดและบอกว่าจะชดใช้ผู้เสียหายอย่างไร ตนเชื่อว่าผู้เสียหายพร้อมคุยและผมก็เชื่อว่าศาลอาญาอาจจะนำมาพิจารณาประกอบจากหนักเป็นเบาได้ แต่ถ้าเกิดปฏิเสธอย่างเดียวแล้วหายตัวไป ตนคิดว่ามันก็ไม่ดีสำหรับตัวท่านเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้เสียหายได้เห็นหนังสือรับรองแพทย์เเล้วหรือไม่

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า ทนายความผู้ต้องหาให้ดูใบรับรองแพทย์มีตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาล แต่เราก็เคารพความเป็นส่วนตัว อัยการก็จะประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามว่าที่อ้างว่าไปผ่าตัด ไปผ่าตัดจริงหรือไม่ ต้องไปถามแพทย์ว่าเขาจะหายเมื่อไหร่ จะสามารถนำตัวมาฟังคำสั่งอัยการได้วันไหน อัยการคงจะต้องมีดุลพินิจว่าเขาป่วยจริง อยากให้อัยการช่วยเร่งติดตามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตัวนายวนรัชต์ จะเข้าสู่กระบวนการได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ ตอนนี้เข้าใจว่าเป็นการประสานไปตรวจสอบก่อนว่าอยู่โรงพยาบาลไหนจริงหรือไม่ อาการเป็นอย่างไร จะกลับมาพบอัยการได้เร็วที่สุดวันไหน ตรงนี้ต้องให้อัยการกับเจ้าหน้าที่ติดตามต่อไป

เมื่อถามว่าวันนี้ผู้เสียหายยื่นคัดค้านการประกันตัวหรือไม่

นายวีรพัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มเรามองว่าโอกาสในการประกันตัวออกมาน้อย เเต่ถ้าออกมาไม่ได้ไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน วัตถุพยาน คิดว่าเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานไม่ว่าคดีอะไรก็ตาม เราอยากให้เขามาคุยกับเราด้วยซ้ำ เอาข้อมูลมาให้พวกเราเลยว่าคนที่ทำผิดจริงๆ มีใครบ้าง หรือถ้ามีส่วนร่วมก็อยากให้สารภาพมาเลย แต่ถ้าไปอยู่ในคุกแล้วเราคุยกับเขาไม่ได้

"วันนี้คนที่จะต้องถูกฟ้องเข้าคุก เป็นระดับปฏิบัติงานหมดเลย ผู้เสียหายเองก็ไม่สบายใจ ก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่รัฐว่าติดตามหน่อย ว่าเราจะเอาข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจากผู้บริหารมาคุยกันอย่างไร เพราะอย่าลืมว่ามันไม่ได้มีแค่คดีอาญาอย่างเดียว แต่มี คดีแพ่งควบคู่กันไปด้วย

ด้าน นายจรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน) หรือ GLORY ในฐานะตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า บริษัทของตนเองก็มีความเสียหายจากการลงทุนเช่นกัน จึงต้องออกมาเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรม การที่ผู้เสียหายรวมตัวกันก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะต้องการให้คนกระทำผิดมาชดใช้ ส่วนตัวบริษัทเสียหาย 16 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเห็นว่าคนที่กระทำผิดควรต้องชดใช้มากกว่านั้น เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่าง พร้อมกับดำเนินคดีตามกฎหมาย

ภายหลังศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.433/2567 นายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวเป็นโดยเสนอหลักทรัพย์โฉนดที่ดิน 3 ฉบับ

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าตามพฤติการณ์กระทำผิดตามฟ้อง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก กระทบต่อระบบเศรษฐกิจในวงกว้าง และมูลค่าความเสียหายสูง กรณีเป็นเรื่องร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยระหว่างพิจารณา ยกคำร้อง

ส่วนน.ส.ยสบวร อำมฤต ผู้ต้องหาที่ 11 ไม่ได้ยื่นประกันแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวทั้งสองไปยังเรือนจำ
กำลังโหลดความคิดเห็น