สุดซวยเจ้าของกิจการซื้อรถหรูมือสอง ร้องทนายดัง หลังโอนเงินซื้อรถ 3.17 ล้านบาท ให้เจ้าของรถ แต่เจ้าของรถโอนเงินให้มิจฉาชีพ สุดท้ายรถโอนไม่ได้แถมจะติดคุก
วันนี้( 7 ก.พ.)เมื่อเวลา 11.30 น.ที่สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายณัฐภัทร ภัทรธรรมรัตน์ อายุ 31 ปี นายเค นามสมมุติ อายุ 41 ปี อาชีพ รับซื้อขายรถยนต์หรู นำเอกสารหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันลักทรัพย์ หลังจากทั้ง 2 คนและนายหน้าได้ซื้อขายรถเก๋งPorsche รุ่น Panamera ต่อจากนายเอ อายุ 28 ปี โดยมีการเซ็นสัญญาซื้อขายรถและส่งมอบกุญแจรถให้ จึงได้โอนเงินเข้าบัญชีนายเอจำนวน 3,170,000 บาท หลังโอนเงินไปแล้วไม่ถึง 5 นาที่ นายเอ อ้างว่าถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินไปอีกบัญชีหนึ่ง จึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.หาดใหญ่ พร้อมกันโดยตนจะนำรถคันดังกล่าวกลับเพราะซื้อขายกันเสร็จแล้ว แต่ทางญาตินายเอ ไม่ยอมให้นำรถกลับและแจ้งความดำเนินคดีกับพวกตนแทน ซึ่งตนมารู้ที่หลังว่านายเอ มีญาติเป็นนายตำรวจยศใหญ่ในพื้นที่เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงเดินทางมาร้องเรียนให้ทนายช่วยเหลือในเรื่องคดี
นายณัฐภัทร กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับซื้อรถทุกประเภทร่วมถึงรถหรูมือ 2 ทำมานานกว่า 4 ปีแล้ว ซึ่งช่วงเดือนม.ค.67 ที่ผ่านมา ได้มีนายหน้าซื้อขายรถที่รู้จักกับตนได้ส่งรายละเอียดรถหรูคันดังกล่าวมาให้ดูว่าเจ้าของรถคือนายเอ อายุ 28 ปี คู่กรณีต้องการขายรถ หลังพูดคุยเจรจาตกลงราคากันเสร็จแล้ว จึงนัดทำการซื้อขายรถกันใน อ.หาดใหญ่ จ.ส่งขลา เมื่อวันที่ 29 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่ได้เดินทางไปด้วยแต่มอบหมายให้นายหน้าเป็นคนจัดการ หลังนายหน้ากับนายเอ ตรวจสอบเอกสารของรถเจรจาราคากันเสร็จแล้วในราคา 3.17 ล้านบาท ตนจึงจะทำการโอนเงินแต่นายหน้าของตนส่งเลขบัญชีของบุคคลอื่นมาให้ซึ่งไม่ตรงกับชื่อของนายเอ เจ้าของรถ ตนจึงบอกว่าจะไม่ทำการซื้อขายถ้าเลขบัญชีไม่ตรงกับชื่อเจ้าของรถ เพราะก่อนหน้านี้เมื่อ 2 ปีที่แล้วตนก็เคยถูกหลอกให้โอนเงินไปแบบนี้และถูกหลอกรถก็ไม่ได้เงินก็เสียฟรีกว่า 1 ล้านบาท ทางนายหน้าจึงบอกกับนายเอ ให้เอาเลขบัญชีของนายเอมาไม่งั่นจะไม่มีการซื้อรถแต่อย่างใด นายเอจึงให้เลขบัญชีมาซึ่งตรงกับชื่อเจ้าของรถ ตนจึงโอนเงินเข้าบัญชีตามที่ตกลงซื้อขายกัน 3.17 ล้านบาท โดยให้นายหน้าจัดการเรื่องเอกสารซื้อขายโอนรถและรับกุญแจรถกลับมาเหมือนรถทุกคันที่เคยซื้อมา แต่หลังโอนเงินไปไม่ถึง 5 นาที่ นายหน้าโทรกลับมาบอกตนว่านายเอ เจ้าของรถถูกมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงินต่อไปให้คนร้ายจนหมด ตอนนี้กำลังไปแจ้งความกับตำรวจ ให้อายัดบัญชีปลายทางแต่ไม่ทัน ตนจึงเดินทางไปที่สภ.พร้อมกับนายแมน เพื่อสอบถามเรื่อราวที่เกิดขึ้น
โดยนายเอ ตอนแรกที่เจอกันบอกว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับพวกตนและพวกตนต้องการซื้อรถคันดังกล่าวไปให้พ่อ แต่ราคาในการซื้อขายจะต้องไม่เกิน 3.2 ล้านบาทหากราคาสูงกว่านี้พ่อเขาจะไม่เอา ซึ่งนายเอต้องการขายรถในราคา 4.9ล้านบาท ทางมิจฉาชีพจึงหลอกว่าส่วนต่างที่เหลือเขาจะออกให้เองทั้งหมด โดยมีข้อแม้ว่าต้องโอนเงินที่พวกตนจ่ายไปเข้าบัญชีมิจฉาชีพทั้งหมดแล้วถึงจะโอนเงินมาคืนให้นายเอ เต็มจำนวนเงิน 4.9 ล้านบาท หลังฟังเรื่องราวทั้งหมดตนจึงบอกกับนายเอว่าจะเอายังไงต่อ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของพวกตน และมีการซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์รถกันเรียบร้อยแล้ว ทางนายเอ บอกว่าจะขอซื้อรถคืนตนจึงตอบว่าได้แค่คืนเงินมาตนก็คืนรถกลับไปให้ แต่พอญาตินายเอ มาถึงกลับเป็นหนังคนละม้วนอ้างว่าพวกตนกับนายหน้าร่วมมือกับมิจฉาชีพมาหลอกนายเอ และไม่ยอมให้พวกตนนำรถกับไปโดยหลังเกิดเรื่องขึ้นรถคันดังกล่าวได้ขับมาจอดไว้ที่โรงพัก และทางญาติของนายเอ ได้นำรถมาจอดปิดหัวปิดท้ายรถเพื่อไม่ให้พวกตนนำรถออกไปได้ ตนจึงสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าสรุปรถคันนี้ตำรวจยึดไว้หรืออย่างไร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งกับตนว่าไม่สามารถยึดรถได้ ให้ทั้ง 2 ฝ่ายไปเจรจากันเอง ซึ่งตนพยายามเจรจาแล้วก็ไม่สำเร็จ จนวันที่ 3 ก.พ.67 ตนจึงตัดสินใจนำรถออกมาจากโรงพัก ตามสิทธิ์ที่ตนได้ซื้อขายรถมาแล้วอย่างถูกต้อง ส่วนที่นายเอ ถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงินไปเขาก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีไป
ต่อมาวันที่ 5 ก.พ.67 ทางนายหน้าและพวกตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ทั้งๆที่ทรัพย์นั้นคือรถที่พวกตนซื้อขายมาอย่างถูกต้องทุกอย่างกับ กลายมาเป็นพวกตนที่ตกเป็นคนร้ายแทน จึงตัดสินใจนำเอกสารหลักฐานมาร้องเรียนให้ทนายช่วยเหลือในเรื่องคดี
ด้านนายแมน (เสื้อสีดำ)กล่าวว่า ตนได้ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางนายหน้าของตน ก็ทราบว่าวันที่ทำสัญญาซื้อขายรถกัน นายเอได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกับมิจฉาชีพอยู่ตลอด โดยอ้างกับนายหน้าว่าเป็นพี่ชาย แต่ไปทำงานอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์ จึงไม่ได้เอ่ะใจ อะไรก็ซื้อขายรถกันตามปรกติจนมาเกิดเรื่องขึ้น ตนก็สงสัยว่าทำไมนายเอ ถึงถูกมิจฉาชีพหลอกง่ายขนาดนี้ ว่าจะจ่ายส่วนต่างที่เหลือให้อีกกว่า 1 ล้านบาทแต่ต้องโอนเงินไปให้เขาทั้งหมดก่อน แล้วทำไมนายเอ อยากได้เงินส่วนต่างถึงไม่ให้เขาโอนเงินมาเพิ่มให้แทนที่จะโอนเงินไป จนเป็นเรื่องราวแบบนี้พวกตนก็ต้องมาเดือดร้อนไปด้วย “ไปซื้อรถแบบถูกต้อง แต่จะมาติดคุกเพราะลักทรัพย์ตัวเอง”
ทนายรณณรงค์กล่าว่าทางผู้เสียหายเป็นนายทุนซื้อรถมีสิทธิ์ที่จะนำรถคันดังกล่าวออกมาได้ ตามสัญญาซื้อขายรถ หากอีกฝ่ายไม่ยอมโอนให้ ฝั่งผู้ซื้อสามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ แต่เบื้องต้นยังต้องฟังข้อมูลจากฝั่งคนขายรถด้วยว่ารายละเอียดของเรื่องนี้เป็นอย่างไร เบื้องต้นมั่นใจว่ามีฝ่ายหนึ่งที่ยังให้ข้อมูลไม่ตรงกับความเป็นจริง ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หาดใหญ่ สืบสวนหาข้อเท็จจริงว่าใครผิดถูก