ในแวดวงสมุนไพรไทยมีการคาดการณ์กันว่าในปี 2567 ตลาดสมุนไพรไทยจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาท และจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2569 โดยจะมีมูลค่าสูงถึง 59,500 ล้านบาท แน่นอนว่าย่อมเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการไทย – วิสาหกิจชุมชน ทั่วประเทศที่จะพัฒนาการผลิต ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ เนื่องจากประเทศไทยนับว่ามีศักยภาพทางด้านสมุนไพรอย่างมาก เพราะมีสมุนไพรกว่า 1,800 ชนิด มีการส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรเป็นอันดับ 1 ใน Southeast Asia โดยเคยคิดเป็นมูลค่ากว่า 12,211 ล้านบาท อย่างไรก็ตามโจทย์สำคัญคือเราจะทำอย่างไรเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดทั้งในและต่างประเทศให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
ในงานเสวนา “ก้าวทัน…โลจิสติกส์ผลักดันสมุนไพรไทย ไปสู่ตลาดโลก” THPD x UTCC เนื่องในโอกาสฉลอง 10 ปี ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และ 20 ปี สาขาวิศวกรรมโลจิสติกส์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีบุคคลสำคัญในแวดวงโลจิสติกส์ และสมุนไพรที่เข้าร่วมงาน และแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจอย่างคับคั่ง อาทิ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ (หลวงพี่น้ำฝน) เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม, ดร.พีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด, นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นพ.กิตติ โล่สุวรรณรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันกัญชาทางการแพทย์ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข, ภก.สัญชัย จันทร์โต ผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การควบคุมวัตถุเสพติด และนายธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers โดยมี ดร.วีรินทร์ทิรา นาทองบ่อจรัส หรือ ดร.ปอ เป็น Moderator การเสวนา และ อาจารย์ ดร.พิชญ์พธู ไวยโชติ รองอธิการบดีฝ่ายสื่อสารการตลาด เป็นพิธีกรภายในงาน ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สาขาวิชาวิศวกรรมโลจิสติกส์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สร้างบุคลากรด้านโลจิสติกส์ออกสู่ตลาดแรงงานแล้วกว่า 2,000 คน โดยเน้นทักษะในการออกแบบและวางแผน บริหารจัดการกระบวนการโลจิสติกส์ ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนหนึ่งคือการให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์กับบริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ผู้ที่มีอาชีพด้านนี้โดยตรงจะส่งผลให้นักศึกษาได้นำระบบโลจิสติกส์ นำเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ มาใช้บริหารจัดการคลังพัสดุ ลดค่าใช้จ่ายด้านขนส่งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ธุรกิจได้อเป็นอย่างดี
ด้าน ดร.พีระ อุดมกิจสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวว่า ไม่นานมานี้ ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมพรีเมียร์ สมาร์ท ฟาร์ม (Premier Smart Farm) และวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers โดยการนำของ ดร.มณิสรา บารมีชัย คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร.ภคพงศ์ อมรกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการ มีคุณธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนฯ ให้ความรู้การผลิตกัญชาทางการแพทย์และการผลิตสมุนไพร “ผลไพร” ได้แก่ ยาน้ำมันนวดผลไพร ยาดมสมุนไพรผลไพรและยาหม่องผลไพร ซึ่งเป็นการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้ดำเนินการปลูกกัญชาทางการแพทย์ตามมาตรฐานระดับสากลจากสถาบัน SGS ประเทศโคลอมเบียและเป็นฟาร์มปลูกกัญชาทางการแพทย์แห่งแรกในทวีปเอเชียที่ผ่านการรับรองมาตรฐานดังกล่าวด้วย
“การผ่านการรับรองมาตรฐานการปลูกและเก็บเกี่ยวที่ดีนำไปสู่การบูรณาการความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และด้านวิชาการเพื่อผลักดันและยกระดับสมุนไพรไทยสู่ตลาดการค้าโลก นอกจากจะมุ่งมั่นผลิตกัญชาทางการแพทย์แล้ว ยังมีความพยายามที่จะยกระดับการผลิตกัญชาทางการแพทย์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์สมุนไพรผลไพร เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสเติบโตทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีการผลิตกัญชาทางการแพทย์ที่มีองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญที่ทันสมัย เชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันการผลิตกัญชาทางการแพทย์ทั้งในไทยและในระดับเอเชีย ซึ่งรวมทั้งสมุนไพรอื่นๆ บริษัทไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จะได้ร่วมมือด้านโลจิสติกส์และด้านวิชาการเพื่อผลักดันและยกระดับสมุนไพรไทยสู่ตลาดการค้าโลกต่อไปในอนาคตให้สมกับที่เราเป็นผู้นำด้านการขนส่ง ‘ส่งยาก ส่งเย็น ส่งใหญ่ ส่งเยอะ”
นายธวัช จรุงพิรวงศ์ ประธานวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากตลาดสมุนไพรไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องมูลค่ามากถึง 50,000 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นทึกปีทำให้มองว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมาช่วยกันทั้งผู้ประกอบการเอง ภาครัฐ และสถาบันการศึกษาวิจัย ที่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์การแข่งขัน ทันตลาด โดยเฉพาะในตลาดโลกที่สมุนไพรไทยยังไปได้อีกไกลมาก ซึ่งที่ผ่านมาวิสาหกิจชุมชน Thai Herb Centers ได้พยายามพัฒนาการผลิตสมุนไพรไทยมาอย่างหลากหลายและต่อเนื่อง จนสามารถปลูกกัญชาทางการแพทย์ในฟาร์มปลูกกัญชาทางการแพทย์แห่งแรกในทวีปเอเชีย และผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบรนด์ “ผลไพร” ออกวางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ในขั้นแรกนับว่าประสบผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ทั้งยาดม ยาหม่อง สมุนไพรหอม ฯลฯ ทำให้มองว่าสมุนไพรไทยน่าจะได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้เป็นซอฟพาวเวอร์ได้อีกทางหนึ่ง เพราะเป็นที่รู้จักในตลาดโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออก และในยุโรป
“ในปัจจุบันกระบวนการในการวางแผน ดำเนินการ และควบคุมประสิทธิภาพในการส่ง และการจัดเก็บสินค้าและบริการนั้นนับว่าสำคัญมากเพราะทุกวันนี้ส่วนใหญ่เราซื้อขายกันผ่านทางออนไลน์ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน จำเป็นต้องพัฒนาการจัดการโลจิสติกส์ โดยจัดการส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว และมีคุณภาพจึงจะทำให้การทำธุรกิจสมุนไพรไทยมีความยั่งยืน สิ่งสำคัญผมอยากเห็นแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือการรวบรวมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยในโลกออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าทั้งโลกได้มาช้อปปิ้งได้ในที่เดียวกัน ซึ่งถ้าสามารถบริหารจัดการได้จะช่วยเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เช่นเดียวกับบริษัทอีคอมเมิร์ซระดับโลก ที่คนไทยนิยมใช้ในปัจจุบัน”
นับเป็นมุมมองเรื่องโลจิสติกส์ที่น่าสนใจ เพราะหากทำได้ย่อมจะช่วยผลักดันสมุนไพรไทยให้ก้าวไปในตลาดโลกอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน อย่างไรก็ตามโจทย์สำคัญคือ ภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ผลิตทั้ง เอสเอ็มอี วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนผู้ประกอบการทั้งประเทศจะมองเห็น “โอกาส” เหมือนกัน และพร้อมจะก้าวไปในทิศทางเดียวกันหรือยัง?