ประธานมูลนิธิปวีณาฯ พาพ่อแม่ น้องจ๋าวัย 23 ปี เข้าพบ รอง ผบ.ตร. ข้องใจสาเหตุการตายของลูกสาว หลังตกตึกชั้น 33 ในมาเลเซีย ผลชันสูตรพบร่องรอยฟกช้ำ ก่อนเสียชีวิต
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่ สโมสรตำรวจ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พา น.ส.นพรัตน์ อายุ 62 ปี และ นายณรงค์ชัย อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.นภา หรือ จ๋า อายุ 23 ปี ที่เสียชีวิตปริศนา จากการตกตึกชั้น 33 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เพื่อขอให้ช่วยประสานนิติเวชมาเลเซีย ขอผลชันสูตรศพหลังตกตึก เนื่องจากทางครอบครัวยังสงสัยสาเหตุการตาย โดยผลชันสูตรรอบ 2 ที่ประเทศไทย พบรอยฟกช้ำตามร่างกายเนื่องจากถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต พร้อมตรวจสอบข้อมูลจากเพื่อนสาวคนสนิทที่ชักชวนน้องจ๋า ไปเที่ยวมาเลเซีย เพื่อทำความจริงกระจ่างและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
นางปวีณา กล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.นภา เพิ่งเรียนจบปริญญาตรี ถูกเพื่อนสมัยเรียน ที่มีแฟนเป็นชาวมาเลเซียชักชวนไปเที่ยวที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อประมาณปลาย ธ.ค.66 และเสียชีวิต ตกตึกชั้น 33 ลงมาเสียชีวิตปริศนา เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ตนพาครอบครัวของ น.ส.นภา เดินทางไปฟังผลชันสูตรศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ โดยพบว่า ตามร่างกายมีแผลฟกช้ำเป็นรอยครูดทั่วตัว ที่คาง ไหล่ ก้น หลัง ต้นแขน และขาหนีบ ซึ่งเกิดจากการถูกของแข็งที่ไม่มีคมก่อนเสียชีวิต
อีกทั้งยังพบกระดูกกะโหลกด้านหลังแตก กระดูกต้นขาหัก กระดูกข้อเท้าหัก กระดูกเชิงกรานหัก กระดูกสันหลังหัก ซี่โครงซ้าย-ขวา ด้านหลังหัก อวัยวะทุกส่วนหักหมด นอกจากนี้ยังตัดชิ้นส่วนตับเพื่อไปตรวจดูสารพิษ และตัดเล็บไปตรวจหาเนื้อเยื่อหรือ DNA และทำการเก็บสารคัดหลังในช่องคลอด ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจจากห้องแลปเพื่อทราบผลอย่างละเอียด
ทั้งนี้ แพทย์ผู้ชันสูตรศพ น.ส.นภา ยังรายงานว่า เป็นการผ่าชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 เนื่องจากมีการผ่าพิสูจน์ครั้งแรกมาจากที่ประเทศมาเลเซียและมีการฉีดฟอร์มาลีนมาแล้ว ทำให้มีข้อจำกัดในการตรวจสารพิษ ส่งผลให้หาเลือดและปัสสาวะไม่ได้ จึงอยากให้ประสานขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชมาเลเซีย เพื่อประกอบการพิจารณาหาข้อเท็จจริงในการเสียชีวิต อย่างมีเงื่อนงำของน้องจ๋าให้กระจ่าง
โดย ขณะนี้ทางครอบครัวของน.ส.นภา ยังเกิดความกังขาในเรื่องรอยช้ำตามร่างกายก่อนเสียชีวิต แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลการตรวจพิสูจน์ครั้งแรกที่มาเลเซียที่จะนำมาพิจารณาร่วมด้วยว่าสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากสาเหตุใด
ส่วนประเด็นเพื่อนสนิทของน.ส.นภา ที่อยู่มาเลเซีย ขณะนี้ได้โทรศัพท์มาหานางปวีณาและได้ส่งมอบโทรศัพท์มือถือของน้องจ๋าให้กับพ่อแม่น้องจ๋าแล้ว หลังจากการสอบสวนที่มาเลเซียเสร็จสิ้นและส่งมอบคืนโทรศัพท์น้องจ๋าแก่เพื่อน โดยนำไปมอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์และเฟซบุ๊กเพื่อนสนิทน้องจ๋า เพื่อขอข้อมูลประกอบการพิจารณาต่อไป
นางปวีณา กล่าวอีกว่า เพื่อนสนิทของน้องจ๋ามีแฟนเป็นชาวมาเลย์และเปิดสถานบันเทิง โดยเพื่อนสนิทเล่าว่า ก่อนน.ส.นภา จะเสียชีวิต ผู้ตายได้ไปเที่ยวที่ผับของแฟนเพื่อนสนิทคนดัวกล่าว ก่อนที่แขกของผับจะพาน.ส.นภา มาส่งที่คอนโด ให้ น.ส.นภา มาพักที่ห้องชั้น 33 ซึ่งเป็นห้องของเพื่อนสนิท หลังจากนั้นเพื่อนสนิทและแฟนของเพื่อนคนดังกล่าว ลงมาซื้ออาหารกินด้านล่างตึก ปรากฏว่าไม่นานน.ส.นภา พลัดตกลงมาจากห้องชั้น 33 เสียชีวิต
ซึ่งเพื่อนสนิทระบุว่า น.ส.นภา มีพฤติกรรมทำร้ายตัวเอง แต่ยังข้อสงสัยว่า บาดแผลฟกช้ำตามร่างกายขนาดนั้น จะเกิดจากการทำร้ายร่างกายตัวเองได้อย่างไร หรือถูกใครทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดว่ามีพิรุธอะไรอย่างไร
ด้านแม่ของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่าของ ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ความเป็นธรรมแก่การเสียชีวิตของลูกของตน โดยตนสงสัยในการเสียชีวิตของลูกสาวอย่างมาก ลูกตนเป็นเด็กดี แต่ตนก็ไม่ทราบว่า ลูกไปมาเลเซียทำไม แล้วไปเมื่อไหร่ นึกว่าลูกอยู่โคราชมาโดยตลอด ตอนนี้เสียใจอย่างมากจนไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม แต่สัญญาว่าหลังจากนี้จะเข้มแข็งและจะหมั่นทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ลูก
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กรณีนี้ดัวกล่าวนางปวีณา ได้ประสานเรื่องกับตนมาเบื้องต้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ตนเตรียมประสานความร่วมมือไปยังตำรวจมาเลเซีย เพื่อขอผลการชันสูตรพลิกศพจากนิติเวชและผลการสอบสวนของตำรวจประเทศมาเลเซีย รวมทั้งต้องดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายในกรณีนี้ คือพ่อแม่ของผู้ตายอย่างละเอียด อีกทั้งได้สั่งการให้ชุดทำงานไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น
โดยกรณีนี้ต้องสืบอย่างชัดเจนหาให้ได้ว่า ผู้ตายนั้นเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด ร่องรอยบาดแผลตามร่างกายที่ปรากฏนั้นเกิดขึ้นก่อนหรือหลังการเสียชีวิตและคดีนี้จะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ ตอนนี้ได้โทรศัพท์มือถือของผู้ตายมาแล้วคาดว่าจะสามารถสืบสวนหาความชัดเจนได้ต่อไป