“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 2567 ตอน ถอดบทเรียน ‘คดีหมอกระต่าย’ ถึงเวลายกเครื่องตำรวจ
คดี ส.ต.ต. นรวิชญ์ บัวดก” ผบ.หมู่ กองร้อยที่ 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน ขับรถบิ๊กไบค์ชน“หมอกระต่าย” หรือ “พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล” แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสียชีวิต บริเวณทางม้าลายใกล้แยกพญาไท เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2565 อาจบอกได้ว่าในแง่ของคดีอาญานั้นใกล้ปิดฉากเข้าไปทุกขณะ ภายหลังศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา
การพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เป็นการเพิ่มโทษจำคุกให้กับจำเลย จากเดิมที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี 15 วัน ปรับ 4,000 บาท ขณะที่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาพิพากษาแก้โทษเป็นลงโทษจำคุก 10 ปี 2 เดือน แต่ภายหลังเกิดเหตุจำเลยไม่ได้หลบหนีและให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนตลอดจนในชั้นศาล ที่ศาลชั้นลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงเห็นพ้องด้วย คงโทษจำคุกจำเลย 5 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา
มองให้ลึกลงไปถึงคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ จะเห็นได้ว่าศาลได้วางหลักการประการหนึ่งไว้อย่างน่าสนใจว่า " พฤติการณ์จำเลยกระทำความผิดกฎหมายหลายประการ แสดงให้เห็นว่า จำเลยเข้าใจว่าการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไม่จำต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้ หน้าที่กระทำตามกฎหมายเป็นของประชาชนธรรมดาทั่วไป
การกระทำของจำเลยยังทำให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดเข้าใจว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ใส่ใจอบรมบุคลากรของตนให้คำนึงถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด"
"เห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยมานั้นเบาเกินไป ไม่เหมาะสมและไม่ได้สัดส่วนกับความร้ายแรงการกระทำความผิดและอัตราโทษที่กำหนดโดยกฎหมาย มิฉะนั้นคงไม่มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดในฐานนี้ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ที่จะลงโทษหนักกว่านี้ได้ สมควรลงโทษจำเลยหนักกว่าศาลชั้นต้น ไม่รอการกำหนดโทษและรอการลงโทษจำคุกจำเลย เพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างทำให้สังคมมีความสงบและมั่นใจความปลอดภัยการข้ามถนนบริเวณทางม้าลาย" ส่วนหนึ่งจากคำพิพากษา
หลักการศาลวางเป็นบรรทัดฐานในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งทั้งต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในแง่ของประชาชนนั้นจะเป็นการกระตุ้นให้คนขับรถบนถนนสาธารณะมีความระวังมากขึ้น เนื่องจากศาลได้วางหลักแล้วว่าหากผลเสียหายเกิดจากการกระทำของผู้ขับขี่ ย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดได้ หรือ ในมุมของตำรวจ ในฐานะที่เป็นผู้รักษากฎหมายย่อมต้องมีความตระหนักรู้ยิ่งกว่าประชาชนทั่วไป
ช่วง 1 – 2 ปี ต้องยอมรับว่าเกิดเรื่องขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ๆ อย่างการเข้าไปพัวพันกระบวนการทำธุรกิจผิดกฎหมายข้ามชาติ การเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ ไปจนถึงเรื่องการใช้อำนาจรีดไถ ทำให้ภาพลักษณ์ของตำรวจติดลบอย่างรุนแรงแบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยถึงแม้จะมีกระแสเรียกร้องให้ตำรวจปรับปรุงการทำงานของตัวเอง เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับประชาชน แต่ดูเหมือนว่าผู้มีอำนาจยังไม่นำพาเท่าใดนัก
พอมีกระแสเกิดขึ้นมา บรรดาผู้มีอำนาจก็รับปากที แต่พอกระแสจางหาย ทุกอย่างก็เหมือนเดิม ดังจะเห็นพฤติกรรมการทำผิดกฎหมายของตำรวจเป็นรายวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดข้อสงสัยว่าตำรวจมีส่วนในการกดดันให้ ‘ลุงเปี๊ยก’ เป็นแพะในคดีเยาวชนอุ้มฆ่า ‘ป้ากบ’ ที่อรัญประเทศหรือไม่อีก ทำให้ตำรวจที่ควรต้องเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ดังนั้น คำพิพากษาคดีหมอกระต่ายที่ปรากฎออกมาสู่สาธารณ จึงไม่ต่างอะไรกับการตอกย้ำว่าถึงเวลาแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องปฏิรูปตัวเอง เพื่อให้ประชาชนกลับมาศรัทธาอีกครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้มีอำนาจทั้งหลายมองเห็นถึงสิ่งเหล่านี้หรือไม่
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android