รมช.มหาดไทย ร่วมแถลงผลตำรวจภูธรภาค 1 จับกุม 2 ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ยึดยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด ไอซ์ 79 กก. และยาเคอีก 85 กก.
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดภาค 1 พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จ.สระบุรี พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 นางจีระพรรณ กาญจนประดิษฐ์ ผอ.ปปส.ภาค 1 ร่วมกันแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 1 ชุด ชปส.ภ.1 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี จับกุมตัวนายยุทธนา หรือต้อม ลิมะตระกูล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/1 หมู่ 7 ต.สามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ทำหน้าที่ขับรถขนยาเสพติด นายพิชาญ หรือพลอย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 77 หมู่ 6 ต.สามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม ทำหน้าที่ควบคุมสั่งการขนยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 1,400,000 เม็ด ยาไอซ์ 79 กิโลกรัม ยาเคตามีน 85 กิโลกรัม รถยนต์มิตซูบิชิ สเปซวากอน สีบรอนซ์ ทะเบียน ศต 5448 กรุงเทพมหานคร 1 คัน สามารถจับกุมตัวได้ที่ริมถนน หมู่ 12 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
พล.ต.ท.จิรสันต์ กล่าวว่า การจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดภาค 1 ตำรวจภูรจังหวัดสระบุรี ได้จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายผลจนช่วงกลางดึกวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายยุทธนา และนายพิชาญ ผู้ต้องหา ใช้รถยนต์มิตซูบิชิ สเปซวากอน สีบรอนซ์ ทะเบียน ศต 5448 กรุงเทพมหานคร ขับมารับยาเสพติดในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อนำไปส่งให้กับเครือข่าย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาจนถึงบริเวณทางหลวงชนบท หมู่ 12 ต.ห้วยหมอนทอง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ก่อนเจ้าหน้าที่แสดงตัวเข้าตรวจสอบ และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลาง
นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช. กล่าวว่า การจับกุมเป็นการทำงานร่วมกันหลายฝ่ายจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและของกลางได้จำนวนมาก ซึ่งท่านอนุทิน ชาญวีรกูล รมต.มหาดไทย ได้กล่าวชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่ได้บูรณาการร่วมกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าและยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่ม และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี ต่อไป
