ตามนโยบายของรัฐบาลการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นวาระแห่งชาตินั้น พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพะยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้เน้นย้ำสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่แฝงตัวเข้ามาประกอบอาชีพปล่อยเงินกู้โดยไม่ได้รับอนุญาต นั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จว.ปทุมธานี ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่าบริเวณตลาดหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทรลาดหลุมแก้ว 3 ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี มีบุคคลต่างด้าวลักลอบปล่อยเงินกู้นอกระบบจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและดำเนินการไปตรวจสอบ ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทดผกก.ตม.จว.ปทุมธานี ,พ.ต.อ.วรยุทธ พงษ์ตัน ผกก.สภ.ลาดหลุมแก้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจตม.จว.ปทุมธานี และฝ่ายสืบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว เมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าวพบนายเท็ด สัญชาติเมียนม่า มีตำหนิรูปพรรณตรงตามที่สายลับแจ้งและมีบุคคลต่างด้าวเดินเข้ามาพบนายเท็ด เพื่อจ่ายเงินที่กู้ยืมมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบสมุดบัญชีลูกค้าเงินกู้ 20 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง
หนังสือเดินทางของชาวเมียนม่าจำนวนกว่า 30 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม 16 ใบ เงินสดจำนวน 3,000 บาท อยู่ในกระเป๋าคาดอก ซึ่งนายเท็ดรับว่าเป็นของลูกค้าเงินกู้ของตน และให้การรับสารภาพว่าตนประกอบอาชีพปล่อยเงินกู้ให้กับชาวเมียนม่าที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงมาแล้วประมาณ 3 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อปี มีลูกค้ามากกว่า 30 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบสมุดบัญชีธนาคาร 2 บัญชีของนายเท็ด พบว่ามีเงินหมุนเวียนมากกว่า 7,000,000 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ และประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาตตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ข้อ5(7) และข้อ 16” นำตัวส่ง สภ.ลาดหลุมแก้ว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ดุสิต จิตรขุนทด ผกก.ตม.ปทุมธานี ฝากถึงประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อเงินกู้นอกระบบ ซึ่งบางรายถูกเอารัดเอาเปรียบเรื่องดอกเบี้ยซึ่งสูงกว่าความเป็นจริงอย่างมาก หรือเมื่อไม่จ่ายเงินให้คนกลุ่มก็จะถูกตามทวงหนี้ด้วยวิธีที่รุนแรง ทำร้ายร่างกายและทรัพย์สิน