MGR Online - ดีเอสไอ ส่งเพิ่ม 2 สำนวนคดีลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งให้ ป.ป.ช. หลังมีหลักฐาน จนท.รัฐ เกี่ยวข้องในการกระทำผิดร่วมกับบริษัทชิปปิ้ง
วันนี้ (19 ม.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้รับมอบหมายจาก พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้นำสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ทั้งสองคดี จำนวน 2 ลัง ไปส่งมอบให้สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีขบวนการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากการตรวจสอบพบตู้สินค้าตกค้างในท่าเรือแหลมฉบัง พบเป็นขบวนการนำเข้าสินค้า ประเภทซากสัตว์ (สุกร) เข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยผู้รับสินค้าหรือตัวแทนแจ้งข้อมูลผ่านระบบของกรมศุลกากร โดยมีการแจ้งสำแดงเท็จเป็นอาหารแช่แข็ง ที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า จำนวน 161 ตู้ น้ำหนักประมาณ 4.9 ล้านกิโลกรัม มูลค่าความเสียหายประมาณ 460,105,947.38 บาท เป็นคดีพิเศษที่ 59/2566
ทางการสอบสวน พบเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย.66 ต่อมา กรมสอบสวนคดีพิเศษได้สอบสวนขยายผลและพบการกระทำความผิดเพิ่มเติม โดยรับเป็นคดีพิเศษอีกจำนวน 9 คดี รวมทั้งคดีพิเศษที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ด้วย
จากการสืบสวนสอบสวน เกี่ยวกับคดีดังกล่าวพบข้อเท็จจริงว่ามีกลุ่มขบวนการผู้ค้าเนื้อสัตว์กลุ่มใหญ่ ได้มีการวางแผนร่วมกันกับข้าราชการบางราย สร้างกระบวนการทุจริตในการนำเข้าสุกรต่างประเทศ เนื่องจากเนื้อสุกรแปรรูปในต่างประเทศมีราคาถูกมาก เมื่อนำเข้ามาบวกราคาขนส่งและค่าใช้จ่ายทั้งปวงแล้ว ยังได้กำไรครึ่งหนึ่งของราคาที่จำหน่ายในประเทศไทย การดำเนินการเริ่มจากการจัดให้มีตัวแทนรับซื้อชิ้นส่วนสุกรที่ต่างประเทศรวบรวมไว้เป็นจำนวนมาก
ต่อมา ให้บริษัทในเครือข่ายหรือบริษัทที่เป็นตัวแทนเชิดของกลุ่มผู้กระทำผิด สั่งซื้อนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยให้สำแดงสินค้าเป็นผลิตภัณฑ์ปลาหรือโพลิเมอร์ อันเป็นเท็จ เพื่อการหลีกเลี่ยงการชำระอากรที่ถูกต้องตามพิกัดอัตราภาษีศุลกากร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตรวจกักกันโรค โดยผู้ดำเนินพิธีการศุลกากรหรือชิปปิ้งจะแจ้งให้ผู้นำเข้าดำเนินการเป็นสินค้าที่ยกเว้นการตรวจ ผ่านช่องทางยกเว้นการตรวจ (Green Line) ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าสินค้าที่บรรจุอยู่ในตู้สินค้านั้น เป็นสินค้าประเภทใด โดยจะมีการคิดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ หรือที่เรียกว่า “ค่าเคลียร์” และนำสินค้าออกจากท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อไปส่งห้องเย็นที่เตรียมไว้แล้ว ก่อนกระจายสู่ตลาดผู้บริโภค ส่งผลให้ผู้ประกอบการเลี้ยงสุกร และจำหน่ายสุกรภายในประเทศเกิดความเสียหายอย่างมาก
ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 101/2566 และคดีพิเศษที่ 104/2566 ได้ประชุมพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดดังกล่าวด้วย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรส่งสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว ไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับสำนวนคดีพิเศษที่ 101/2566 บริษัท กู๊ด วอเตอร์ อีควิปเม้นท์ จำกัด พบของกลางในคดี เป็นตู้คอนเทเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 37 ตู้ ขณะที่สำนวนคดีพิเศษที่ 104/2566 บริษัท อาร์.ที.เอ็นโอเวอร์ซี จำกัด พบของกลางในคดี เป็นตู้คอนเทเนอร์บรรจุชิ้นส่วนสุกรแช่แข็ง จำนวน 21 ตู้ โดยทั้ง 2 คดีมีเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้ามาเกี่ยวข้องในการกระทำความผิด