MGR Online - ก.ยุติธรรม รับเรื่องจาก “สายไหมต้องรอด” พา 2 อดีตภรรยา “นายโบ้” ขอคุ้มครองพยาน หากได้ประกันตัวอาจไม่ปลอดภัย ติดตามคดีหลังไม่คืบหน้าและช่วยเงินเยียวยา
วันนี้ (4 ม.ค.) เวลา 11.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และในฐานะผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พาผู้เสียหาย 2 ราย ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของ นายธนวัฒน์ เฉลยพบ หรือนายโบ้ อายุ 34 ปี ที่ถูกทำร้ายร่างกาย พื้นที่ สน.ประชาชื่น และ พื้นที่ สภ.บางแม่นาง จ.นนทบุรี เข้ายื่นเรื่องขอรับการคุ้มครองพยาน เนื่องจากเกรงว่าหากนายโบ้ได้รับการประกันตัวอาจกลับมาทำร้ายจนถึงแก่ความตาย เหมือนน้องแพรวที่เสียชีวิต เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.66 โดยมี น.ส.จิฬาภรณ์ ตามชู กฤษณสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา และ นายปริญญ์วัฒน์ เปี่ยมปิ่นวงศ์ หัวหน้าศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับเรื่อง
นายเอกภพ กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหาย 2 รายเป็นอดีตภรรยาถูกนายโบ้ทำร้ายร่างกาย โดยรายแรกแจ้งความ สภ.บางแม่นาง ปี 2565 แต่คดีไม่คืบหน้า และรายที่สอง พื้นที่ สน.ประชาชื่น ถูกทำร้ายจนต้องวิ่งหนีแก้ผ้ามาขอความช่วยเหลือ ซึ่งวานนี้ (3 ม.ค.) ได้ประสาน ผกก.สน.ประชาชื่น เพื่อขอสอบปากคำผู้เสียหายให้ดำเนินคดีนายโบ้เพิ่มเติม พร้อมขออายัดตัวเอาผิดอีกคดี และมาขอความเป็นธรรมให้กับน้องแพรวที่เสียชีวิตด้วย
นายเอกภพ กล่าวอีกว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีนายโบ้ ฐานทำร้ายร่างกายกับอดีตภรรยาคนแรก เชื่อว่าน้องแพรวซึ่งเป็นแฟนคนล่าสุดคงไม่เสียชีวิต เพราะนายโบ้ย่ามใจคิดว่าสามารถทำร้ายร่างกายคนอื่นแล้วไม่มีใครเอาผิดได้จึงก่อเหตุมาเรื่อย หากเอาผิดตั้งแต่ต้นนายโบ้ก็อาจหลาบจำไม่ทำร้ายผู้หญิงอีก
ด้าน น.ส.อภิญญา (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี อดีตภรรยาคนแรก กล่าวว่า คบหากับนายโบ้ ตั้งแต่ต้นปี 2565 ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน โดยพฤติการณ์ค่อนข้างรุนแรง ทำร้ายร่างกายตลอด หากทำไม่ถูกใจนายโบ้ ใครทักแชทมาจะมีอาการหึงหวง และไม่ให้ติดต่อกับคนที่บ้าน พยายามหนีแต่นายโบ้ก็ตามง้อมาตลอด มีการใช้เชือกกักขังให้อยู่แต่ในบ้าน ซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยปีนกำแพงบ้านตัวเองหนีนายโบ้เพราะตามมาที่บ้านให้กลับไปพร้อมเขา และมีการทำร้ายแม่กับน้อง จนเข้าแจ้งความแต่คดีไม่คืบ ส่วนตัวเองไม่ได้แจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกายเพราะโดนข่มขู่ กระทั่งครั้งสุดท้ายถูกบีบคอจนสลบทนไม่ไหวก่อนหนีออกมาอยู่กับแฟนเก่า จนนายโบ้หยุดคุกคาม
น.ส.อภิญญา กล่าวต่อว่า นายโบ้เป็นคนอารมณ์ร้ายก็ร้ายมาก แต่เวลาดีก็ใจดีสุดๆ จะตามใจทุกอย่าง ไม่พบประวัติใช้สารเสพติด ซึ่งวันนี้ตัดสินใจมาเพราะนายโบ้ฆ่าน้องแพรวตาย คาดว่าอาจถูกทำร้ายเช่นเดียวกับตน อดีตเคยเป็นนักมวย และยอมรับว่ายังหวาดกลัวนายโบ้ หากได้ประกันตัวออกมาอาจกลับมาทำร้ายร่างกาย
ส่วนทาง น.ส.ชุติมา (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี อดีตภรรยาคนที่สอง เผยว่า รู้จักกับนายโบ้ ประมาณต้นปี 2566 คบหาได้เพียง 8 เดือน ซึ่งขณะนี้ยังกลัวเรื่องความปลอดภัยหลังออกมาให้ข้อมูลเพราะอาจได้รับประกันตัวออกมา โดยตอนเลิกกันนายโบ้เคยไปตามที่ จ.ลพบุรี เอาปืนจี้ขึ้นรถตามกลับมาคอนโดฯ ย่านประชาชื่น ที่ผ่านมาเคยแจ้งความตั้งแต่ 18 มิ.ย.66 คดียังไม่มีคืบหน้า เขาอ้างว่าแจ้งตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ หากเรื่องไม่ดัง รวมทั้ง ต้องการหย่าเพราะได้จดทะเบียนสมรส อยากเป็นอิสระ ไม่อยากหวาดระแวงเช่นนี้แล้ว
เบื้องต้น กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องผู้เสียหายทั้ง 2 ราย ติดตามความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายพร้อมประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ส่วนการเยียวยาจะเป็นตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ ในคดีอาญา เช่น ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 4 หมื่นบาท ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจไม่เกิน 2 หมื่นบาท ค่าขาดรายได้ตามอัตราค่าจ้างชั้นต่ำไม่เกิน 1 ปี และค่าบาดเจ็บอื่นๆ ไม่เกิน 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ ในการคุ้มครองพยานจะรับเรื่องตรวจสอบตามขั้นตอน
