MGR Online - “ดีเอสไอ” เตรียมออกหมายเรียกบุคคลใกล้ชิด “กำนันนก” รวม 51 ราย ทยอยรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้วประมูล ช่วงต้นเดือน ม.ค.67
วันนี้ (30 ธ.ค.) แหล่งข่าวจากผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยความคืบหน้าคดีฮั้วประมูล ราย นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ “กำนันนก” ว่า เมื่อประมาณเดือน ต.ค.66 ตามที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับเรื่องกรณี บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด และ บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด ได้จัดตั้งนิติบุคคลเพื่อมารับงานจัดจ้างจากภาครัฐซึ่งได้งานในจังหวัดนครปฐม จำนวนมากกว่า 5,000 ล้านบาท และทำการสืบสวนสอบสวนเป็นคดีพิเศษ ตาม พระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
คดีดังกล่าวถือว่าผู้กระทำความผิดเป็นผู้มีอิทธิพล ซึ่ง DSI ได้จึงได้สอบสวนร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด โดยมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาคดีพิเศษ และมีการคุ้มครองพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ รวมทั้ง ยังได้มีการเสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง พนักงานสอบสวน จากกองบัญชาการสอบสวนกลาง หรือ CIB เข้าร่วมเป็นพนักงานสอบสวนด้วย คดีดังกล่าว
DSI (Department of Special Investigation) / CIB ( Central Investigation Bureau ) และพนักงานอัยการ ได้ร่วมกันสอบสวนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีรายงานงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง DSI , CIB และพนักงานอัยการ ได้เห็นชอบร่วมกันให้มีการดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการ ทั้ง ผู้ชนะการเสนอราคา กลุ่มผู้จัดฮั้ว ผู้สมยอมกันในการเสนอราคา ซึ่งเป็นโครงการที่สืบสวนสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน CIB จำนวน 2 โครงการ และ สอบสวนโดย DSI จำนวน 1 โครงการ โดยผู้ต้องหาที่จะถูกเรียกมาแจ้งข้อหา รอบที่ 1 มีจำนวน 51 ราย ประกอบไปด้วย บริษัท ป.รวีกนก ก่อสร้าง จำกัด , บริษัท ป.พัฒนารุ่งโรจน์ก่อสร้าง จำกัด , กำนันนก , พ่อกำนันนก , ภรรยากำนันนก , ลูกน้องของกำนันนก ที่ทำหน้าทางการบัญชีและบัญชีม้า กลุ่มขบวนการผู้จัดฮั๊วในจังหวัดนครปฐม ผู้ซื้อซอง,คู่เทียบ และยังมีนักการเมืองท้องถิ่นอีกบางส่วน
ซึ่งรายงานข่าวแจ้งว่าจะทยอยออกหมายเรียกผู้ต้องหาภายในต้นเดือน ม.ค.67 และให้มารับทราบข้อหาภายใน 15 วัน เมื่อรับทราบข้อหาจะได้นำตัวไปฝากขังต่อศาลในท้องที่ชำระคดีต่อไป
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังแจ้งอีกว่า ก่อนหน้าที่ DSI และ CIB และพนักงานอัยการได้เห็นชอบร่วมกันที่จะเข้าค้นเป้าหมายเพื่อหาพยานหลักฐานและกวาดล้างขบวนการทั่วประเทศ รวมประมาณ 90 เป้าหมาย ซึ่งมีนักการเมืองท้องถิ่นระดับจังหวัด จำนวนหนึ่งของจังหวัดดังกล่าวแต่ศาลเห็นว่าควรเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลก่อน DSI และ CIB จึงร่วมกันปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อหาแทน ซึ่งทราบว่า DSI และ CIB จะบูรณาการร่วมกันกวาดล้างขบวนการฮั้วประมูลให้มีอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป