ในค่ำคืนที่ฝ่ายปกครอง ของกระทรวงมหาดไทย ได้สนธิกำลังกับตำรวจ เทศกิจ และภาคีอีกหลายๆ หน่วยงาน ดำเนินการตรวจเยี่ยมสถานบันเทิง ณ สีลมซอย 2 หลังรัฐบาลไฟเขียวให้เปิดได้ถึงตี 4
คืนนั้นบนบาทวิถีถนนสีลม คึกคักมากเป็นพิเศษ เนื่องจากคราคร่ำไปด้วย รัฐมนตรี ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และทีมงานผู้ติดตามนับร้อย! คอยล้อมหน้าล้อมหลัง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล มท.1
สื่อมวลชนหลายสำนักก็ทำหน้าที่ กรูเข้าแย่งกันบันทึกภาพ “เสี่ยหนู” ขณะพาคณะกว่า 100 ชีวิตเดินเท้า เข้าทักทายนักท่องเที่ยว พูดคุยกับชาวบ้าน และควักเงินอุดหนุนสินค้าจากบรรดาหาบเร่แผงลอย
ด้วยอากัปกิริยา ของบรรดาช่างภาพที่ต้องกึ่งเดิน กึ่งถอย ต้องคอยแนบช่องมองภาพของตัวกล้องเข้ากับลูกตาตัวเอง รอเวลาและจังหวะในการลั่นชัตเตอร์
มีอยู่ช่วงหนึ่งระหว่างที่เสี่ยหนู เดินรุกมาทางด้านหน้า ช่างภาพทีมข่าวอาชญากรรม MGR Online ก็รู้สึกได้ว่า ตัวเองถอยไปชนคนเดินเท้าที่เขากำลังจะเดินสวนทางกับเสี่ยหนู และคณะเข้าอย่างจัง!!!
เมื่อรีบหันไปเอ่ยปากขอโทษคู่กรณีตามสัญชาตญาณ ช่างภาพของเรากลับพบว่า คนที่ตัวเองถอยหลังอย่างรวดเร็ว ชนเข้าอย่างแรงแบบไม่ได้ตั้งใจ กลายเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เป็นผู้พิการตาบอด ทั้ง 2 ข้าง กำลังแกว่งไม้เท้าคลำทาง เดินมาอย่างเชื่องช้าจากทางด้านหลัง
นาทีนั้นไม่มีวลีใดจะใช้ได้ดีไปกว่าคำว่า “I’m Sorry.”
เป็นขณะเดียวกันกับที่นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ รีบเข้ามาช่วยกันนำผู้พิการท่านนั้น แอบเข้าไปยืนรอชิดแผงค้าข้างทาง ป้องกันไม่ให้เดินสวนทางฝ่าคณะของเสี่ยหนู มิเช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก
หลังเหตุการณ์ถอยหลังชนนักท่องเที่ยวพิการ ช่างภาพของเราก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไป เพราะ เสี่ยหนู พร้อมคณะ ยังเดินเท้าเข้าพบปะประชาชนต่อไปอีกหลายร้อยเมตร
พอจบงานถึงเวลาแยกย้าย ช่างภาพตัวต้นเรื่องก็เดินเท้าย้อนกลับไปที่รถ ซึ่งจอดอยู่ไม่ห่างจากจุดปะทะกับนักท่องเที่ยวผู้พิการทางสายตาตอนที่ตัวเองปฏิบัติหน้าที่
เคราะห์ดีก่อนที่จะเดินถึงรถ ยังได้ย้อนกลับมาเห็นคู่กรณีอีกครั้ง ในสภาพซึ่งอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บ แถมมีนายตำรวจหนุ่มหน้ามลคนในกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว คอยประคองบอกทางอยู่ไม่ห่าง
สิ่งที่เห็นเปรียบเช่น นายตำรวจท่านนั้น ช่วยล้างกรรมที่ตัวเองก่อไว้ จึงอดไม่ได้ที่จะยกกล้องบันทึกภาพความประทับใจ แล้วเอามาขยายดูชื่อฮีโร่ในดวงใจเพื่อค้นหาที่มาที่ไป โดยเฉพาะเส้นทางการรับราชการ
ต้องขอขอบพระคุณ “สารวัตรเบียร์” พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สวญ.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 ซึ่งคอยดูแล เป็นผู้เดินประคองนำทาง นักท่องเที่ยวผู้พิการทางสายตาท่านนั้น
สารวัตรเบียร์ ไม่ได้เห็นแล้วกล้องแล้วทำ แต่ช่างภาพที่เห็นเหตุการณ์จริง พิจารณาแล้วตั้งใจทำ ทำในขณะที่นายตำรวจท่านอื่นๆ ส่วนใหญ่มัวสาละวนอยู่กับการล้อมหน้า ล้อมหลัง พากันส่งรัฐมนตรีขึ้นรถกลับที่พัก
ยิ่งได้ขุดประวัติการรับราชการ ยิ่งทำให้เชื่อว่า เป็นผู้ช่วยเหลือด้วยหัวใจ เพราะไม่ว่าจะมีโอกาสให้สัมภาษณ์สื่อสำนักไหน สารวัตรเบียร์ จะบอกเสมอ “พิทักษ์ 1” คือไอดอล
หลังจบจากโรงเรียนนายร้อยสามพราน รุ่น 64 เจ้าตัวยังไปสำเร็จปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ NIDA และเป็นตำรวจไทยคนแรก ที่สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาโท Master Degree of Criminal investigation (สืบสวนคดีอาชญากรรม) จากมหาวิทยาลัย Central of Lancashire ประเทศอังกฤษ แถมการันตีด้วยเกียรตินิยม
เคยทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ตั้งแต่สมัย “พิทักษ์ 1” ยังดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.ป.โดยตอนนั้นเจ้าตัว เป็น รอง สว.(สายตรวจรถวิทยุ) กก.ปพ.บก.ป. ก่อนขึ้นเป็น สว.กก.ปพ.บก.ป. ซึ่งช่วงที่อยู่กองปราบยังได้รับโอกาสให้เป็นตัวแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปประชุมด้านการก่อการร้ายที่ประเทศจีน
มีส่วนช่วยประสานงานให้ตำรวจไทยได้เข้าร่วมการแข่งขันพลซุ่มยิง (Sniper) กับต่างชาติเป็นครั้งแรก รวมถึงร่วมผลักดันหลักสูตร active shooter ที่ FBI มาฝึกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศไทยเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท้ายที่สุดทีมงานอยากขอโทษนักท่องเที่ยวคู่กรณีด้วยความจริงใจ ส่วนภาพความช่วยเหลือของ “พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน” ที่บันทึกไว้ได้ ถือเป็นกำไรจากช่วงเวลาดีๆ ที่เกิดขึ้นจริง