xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์! วันนี้สถานบริการเปิดได้ถึงตี 4 “มท.-ตร.” ต้องดูแลเด็กให้ดีอย่าปล่อยให้พากันไปวิ่งเล่นในผับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



ตามที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักในการออกข้อกำหนดการเปิด-ปิด สถานบริการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว

ซึ่งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้ยกร่างกฎกระทรวงกำหนดวันเวลาเปิด-ปิดของสถานบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566 เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา

กระทั่งเช้าวันที่ 11 ธ.ค.2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ลงนามในร่างกฎกระทรวงฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะทันบังคับใช้ตามกรอบเวลาที่นายกรัฐมนตรีเคยประกาศไว้

โดยจะเริ่มในวันที่ 15 ธ.ค. 66 คือวันนี้จะเป็นวันแรกที่ผับจะเปิดได้ยันตี 4 ตามกฎกระทรวงฉบับใหม่!

การขยายเวลาให้สถานบริการใน 5 จังหวัด ดังต่อไปนี้ เปิดให้บริการได้ถึงเวลา 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้นได้ ได้แก่ สถานบริการในท้องที่กรุงเทพมหานคร, จังหวัดภูเก็ต, จังหวัดชลบุรี, จังหวัดเชียงใหม่ และท้องที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี

นอกจากนี้ สถานบริการที่ตั้งที่อยู่ในสถานที่ตั้งโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมทั่วประเทศ ก็สามารถเปิดบริการได้ถึง 4.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ได้เช่นเดียวกัน

โดยกระทรวงมหาดไทย ประชาสัมพันธ์เอาไว้ว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตามกฎกระทรวงฉบับนี้จะขยายเวลาให้สถานบริการในทุกท้องที่ทั่วประเทศสามารถเปิดบริการในคืนส่งท้ายปีเก่า (31 ธ.ค.66) ไปจนถึงเวลา 6.00 น. ของวันปีใหม่ (1 ม.ค.67) ได้อีกด้วย

จากมาตรการดังกล่าวที่ทางมหาดไทย ได้ถือเป็นนิมิตรหมายอันดี ในการที่จะมอบเป็นของขวัญปีใหม่ ให้แก่ประชาชน โดยเจือสมคำอ้างให้ดูดีว่า “เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว”

แต่ก็อย่าลืมว่า การขยายเวลาเปิดสถานบริการนั้น เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว ประชาชนและผู้ประกอบการทั้งหลาย ได้เกื้อหนุนจุนเจือกันในส่วนของ “สินค้าบาป” ซึ่งประกอบไปด้วย “เหล้า เบียร์ บุหรี่” ที่เป็นเครื่องมอมเมา รวมถึงเป็นปัจจัยเพาะบ่มปัญหาสังคมอีกมากมาย

ซ้ำร้ายก็ยังไม่น่าเชื่อสักเท่าไหร่!? ในเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดูแลความเรียบร้อยรวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการดูแลสังคมได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติดในสถานบริการ กับเรื่องเด็กและเยาวชนที่เล็ดลอดเข้าไปในสถานบริการได้แทบทุกครั้งที่มีมาตรการกวดขันเข้าจับกุม

ล่าสุดแม้จะไม่ได้มีการกวดขันวางมาตรการเข้าจับกุมสถานบันเทิงในพื้นที่ จ.ขอนแก่น แต่อย่างใด ทว่าก็ปรากฏคดีความงามไส้ฉีกหน้าทั้งกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนผู้หลักผู้ใหญ่ทั้ง 2 หน่วยงานแทบหงายหลัง

โดยเมื่อเวลา 04.30 น. วันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา น.ส.แนน (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี 10 เดือน ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.วิทยา หรรอารีย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น ให้ดำเนินคดีกับ “สมรักษ์ คำสิงห์” นักชกเหรียญทอง ฮีโร่โอลิมปิก ในข้อหาพรากผู้เยาว์ฯ และคดีล่วงละเมิดทางเพศ

น้องแนนผู้เสียหาย ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า สามทุ่มครึ่ง วันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปสังสรรค์กับเพื่อนรวม 4 คน ที่ผับชื่อสุขสันต์ ตั้งอยู่ห่างโรงพักเมืองขอนแก่น แค่ 1.3 กิโลเมตร โดยระหว่างที่เข้าไปเที่ยวในผับ ก็พบกับ คุณลุงสมรักษ์ เจ้าของวลี “ไม่ได้โม้” ที่กำลังกินดื่มอยู่ที่โต๊ะไม่ห่างกัน จึงเดินไปขอถ่ายภาพ

หลังจากนั้นก็ยืนกินดื่มอยู่ที่โต๊ะของ คุณลุงสมรักษ์ สลับกับเดินไปเดินมาเพื่อนไปสนุกกับเพื่อนๆ ที่โต๊ะของตนเอง กระทั่งผับเลิก ซึ่งตามคำให้การของ น้องแนน บอกว่า วงสุดท้ายเลิกแสดงดนตรีตอน 03.00 น.หรือราวตีสาม ของวันที่ 10 ธ.ค.66

น้องแนน เด็กสาววัย 17 ปี 10 เดือน ให้การต่อไปว่า หลังผับเลิกกำลังออกจากร้านจะกลับห้องพักพร้อมเพื่อนที่โรงแรมนีโอ ระหว่างนั้นเพื่อนตัวเองกลับเมามากจึงมีเพื่อนอีกชุดหนึ่งไปส่ง ส่วนตัวน้องแนน เองนั้นก็พบกับลุงสมรักษ์ อีกครั้งที่หน้าร้าน

ลุงสมรักษ์ จึงขอตัวไปห้องน้ำ บอกให้ น้องแนน รอสักครู่ กระทั่งมีพนักงานรักษาความปลอดภัยของทางร้านขับรถจักรยานยนต์ มาพร้อมกับลุงสมรักษ์ ขออาสาพาไปส่งน้องแนน ที่ห้องพักโรงแรมนีโอ ด้วยความที่เห็นลุงสมรักษ์ เป็นคนของประชาชนและเป็นฮีโร่ของคนไทย

น้องแนน จึงไว้ใจ กระโดดขึ้นซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ แบบอัด 3 โดยมีน้องแนน นั่งตรงกลาง ทว่าท้ายที่สุดปลายทางกลับมุ่งหน้าไปที่ โรงแรมมันตราวารี ซึ่งห่างจากโรงแรมนีโอ กว่า 2 กิโลเมตร แล้วเกิดเรื่องขึ้น ในห้องพักชั้นที่ 2 ของโรงแรมดังกล่าว

โดยคำให้การของ น้องแนน ผู้เสียหายระบุว่า ถูกลุงสมรักษ์ ถอดเสื้อผ้าออกจนเปลือย แต่ไม่ได้มีการร่วมเพศกัน ลุงสมรักษ์ เพียงแต่นำเอาอวัยวะเพศมาถูไถจนมีสารคัดหลั่งติดที่อวัยวะเพศของตนเองเท่านั้น ซึ่งก่อนจะติดต่อให้เพื่อนมารับไปแจ้งความ น้องแนน ยังถ่ายภาพลุงสมรักษ์ เมาหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียงไว้เป็นหลักฐานด้วย

หลังเกิดเรื่องเป็นข่าวฉาวโฉ่ขึ้น ลุงสมรักษ์ ถูกแจ้งข้อหาหนัก 4 กระทง เพื่อนที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปส่ง รับไป 2 กระทง แต่สังคมได้มีข้อกังขาถึง สถานบันเทิงหรือผับที่มีชื่อว่า สุขสันต์ ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมือง ขอนแก่น ผู้จัดการร้านและการ์ดหน้าร้านปล่อยปละให้ น้องแนน กับเพื่อนๆ รวม 4 คน เข้าไปใช้บริการได้อย่างไร? หนำซ้ำยังมีการเปิดสถานบริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด

เพราะ น้องแนน ผู้เสียหายวัยใส ที่มีอายุเพียง 17 ปี 10 เดือน ให้การกับพนักงานสอบสวน เอาไว้ด้วยถ้อยคำบริสุทธิ์ว่า “วงสุดท้ายเลิกแสดงดนตรีตอน 03.00 น.หรือราวตีสาม ของวันที่ 10 ธ.ค.66”

แม้ พ.ต.อ.ยศวัจน์ แก้วสืบธัญนิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น จะรุดลงพื้นที่ตรวจสอบภายในสถานบันเทิงดังกล่าว หลังเป็นข่าวออกมา และได้ดำเนินการแจ้งข้อหากับผู้ดูแลสถานบริการเอาไว้ ว่า "ยินยอมหรือการปล่อย ปละละเลย ให้บุคคลอายุ ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้ามาใช้บริการและเปิดทำการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายบัญญัติ" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่มันก็ยังไม่สมเหตุสมผลอยู่ดี เรื่องนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และ พล.ต.ต.อนุวัตร สุวรรณภูมิ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นจะต้องตอบข้อซักถามให้ประชาชนและสังคมได้รับความกระจ่างมากกว่านี้ เพราะนี่โรงพักกับสถานบริการห่างกันแค่ 1.3 กิโลเมตร

ท่ามกลางกระแสข่าวของเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่าง “สมรักษ์ คำสิงห์” กับ “น้องแนน” ที่เพิ่งอุบัติขึ้นมาไม่ถึงสัปดาห์ตอนนี้มีข้อครหา ที่ยังหาข้อยุติไม่ได้คือ ตกลง “น้องแนน” ปลอมบัตรประชาชนเข้าผับ หรือ การ์ดหน้าผับหละหลวมปล่อยให้ลูกค้าวัยกระเตาะเข้าไปใช้บริการในร้านได้กันแน่

“น้องแนน” กับเพื่อนๆ เข้าผับได้อย่างไร เด็กๆ เหล่านี้มีบัตรประชาชนอีกใบหรือเปล่า!?

ย้อนหลังไปถึงขบวนการสวมบัตร ปลอมแปลงบัตรประชาชนนั้น ข้อคิดสำคัญคือไม่ได้มีแค่เฉพาะ “ขบวนการฟอกคนต่างด้าวให้เป็นไทย” แต่ยังมี “ขบวนการฟอกเด็กให้เป็นผู้ใหญ่” โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ รับออกบัตรประชาชนใบใหม่ ให้เด็กและเยาวชนพกติดตัวเอาไว้ไปเที่ยวผับกับสถานบันเทิงอีกด้วย!

ทีมข่าวอาชญากรรม MGR Online พบข้อมูลว่า เมื่อช่วงส่งท้ายปีเก่าในเดือนธันวาคม 2565 หรือประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา มีผู้ปกครองของเยาวชนในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกมาร้องทุกข์กับสื่อมวลชนในพื้นที่ ว่า มีแก๊งข้าราชการเมืองนครศรีธรรมราช รับทำบัตรประชาชนปลอมให้บุตรหลานพกติดตัวเข้าไปเที่ยวผับ

ช่วงนั้นกลุ่มเด็กและเยาวชน ส่วนใหญ่เป็นเด็ก ม.ปลาย ที่มีบัตรประชาชนปลอม สามารถเข้าผับ ไปใช้บริการตามสถานบันเทิงได้อย่างอิสระจนผลการเรียนย่ำแย่ ร้อนถึงผู้ปกครอง ต้องนำความมาแจ้งนักข่าวในพื้นที่เพื่อวางแผนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักเมืองนครศรีธรรมราช เข้าสุ่มตรวจสอบผับกลางเมือง จำนวน 2 แห่ง

เชื่อหรือไม่? เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานพบข้อมูลเยาวชน ที่เข้าไปเที่ยวผับถือบัตรประชาชนปลอม พ.ศ.เกิด นับสิบราย ด้วยวิธีการใช้ข้อมูลในบัตรประชาชนมาเทียบกับข้อมูลการลงทะเบียนรับวัคซีน โควิด-19 จะพบว่า เด็กๆ เหล่านี้ถือบัตรประชาชนปลอม ซึ่งมีการแก้ไข พ.ศ.เกิด ให้ตัวเองมีอายุมากขึ้น จึงสามารถผ่านการตรวจสอบของการ์ดประจำผับและสถานบันเทิงต่างๆ เข้าไปใช้บริการได้

ช่างน่าเวทนาจริงๆ ที่เด็กๆ เหล่านี้ถูกเค้นจนยอมเปิดปากว่า อันที่จริงแล้วแต่ละคนมีบัตรประชาชนติดตัวอยู่ 2 ใบ ใบแรกเป็นบัตรจริง เลข 13 หลัก หน้าตา วันเดือนปีเกิดเป็นของจริง ซึ่งแต่ละคนที่แท้จริง มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ทั้งสิ้น ส่วนบัตรอีกใบเป็นบัตรปลอม ที่ผ่านการแก้ไข พ.ศ.เกิด ให้ตัวเองดูแก่ขึ้น มีอายุมากขึ้น พกไว้ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่การ์ดของสถานบันเทิงเพื่อให้ตัวเองสามารถเข้าไปใช้บริการ

เด็กๆ เหล่านี้ยอมรับ มีขบวนการรับทำบัตรประชาชนปลอม ซึ่งอ้างตัวว่า เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ของอำเภอ อำเภอหนึ่ง เข้ามาติดต่อคิดค่าดำเนินการปลอมแปลง พ.ศ.เกิด พร้อมออกบัตรให้ในราคา ใบละ 1,500-3,000 บาท ขบวนการนี้รับทำมาแล้วเป็นสิบปี มีบัตรประชาชนปลอมออกสู่ท้องตลาด จนเป็นที่รู้กันในแวดวงเด็กใจแตกไปแล้วนับพันใบ

ก่อนที่จะตัดสินใจจ่ายเงินให้นายหน้ารับทำบัตรประชาชนปลอม พ.ศ.เกิด เด็กๆ เหล่านี้จะต้องนำบัตรประชาชนตัวจริงของตนเอง ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ คนดังกล่าวจากนั้นอีก 2-3 วันทำการ ก็ให้ไปรับบัตรจริงของตัวเองกับบัตรที่ปลอม พ.ศ.เกิด เป็นที่เรียบร้อยแล้วที่อำเภอ

จากนั้นเด็กๆ ก็จะได้มีบัตร 2 ใบ ใบแรกเก็บไว้ใช้ทำธุรกิจตามกฎหมาย ส่วนอีกใบซึ่งมีข้อมูลเหมือนกันทุกอย่าง ต่างแค่ พ.ศ.เกิด เอาไว้ใช้เที่ยวผับ กับใช้ดำเนินธุรกรรมต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ หรือผู้บรรลุนิติภาวะแล้วสามารถกระทำได้

จ่ายเงิน 1,500-3,000 บาท สามารถสั่งได้เลยว่า อยากแก่ขึ้นกี่ปี เจ้าหน้าที่ที่รับทำบัตรเหล่านี้ มีหน้าที่ทำบัตรประชาชนให้คนไทย ใช้วัสดุอุปกรณ์ของทางราชการไทย ใช้แผ่นพลาสติกบัตรแข็งและเครื่องไม้เครื่องมือที่มีอยู่ในอำเภอของตัวเองผลิตบัตรปลอมขึ้นมาขายให้เด็กๆ

ช่วงนั้นมีผู้ปกครองของเยาวชนหญิง นักเรียนชั้น ม.4 ร้อนใจอย่างมาก หลังทราบว่า ลูกสาวตัวเองไปจ้างทำบัตรปลอม พ.ศ.เกิด เข้าผับ จนผลการเรียนตกต่ำเกรด 0 ติด ร.เกือบทุกวิชา จึงนำความเข้าร้องทุกข์กับสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยท้ายที่สุด เชื่อหรือไม่?

เรื่องร้องทุกข์ดังกล่าวแม้จะเป็นข่าวแพร่สะบัดออกมาแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ ไม่มีการดำเนินการตรวจสอบ และชี้แจงข้อสงสัยใดๆ จากทางผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง หรือกระทรวงมหาดไทย ทั้งที่มีเบาะแสเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ทุจริตรับทำบัตรประชาชน สวมสิทธิ์ ให้บุคคลต่างด้าวและทำบัตรปลอมอายุให้เด็กและเยาวชนเอาไว้ไปเที่ยวผับ

ปัจจุบันผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยก็ยังไม่ได้รื้อเรื่องดังกล่าวขึ้นมาทำอะไรเลย?

จึงขออนุญาตฝาก “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” มท.1 คนใหม่ ให้สละเวลามาปัดฝุ่น กวาดผง เก็บขยะในบ้านตัวเองเสียก่อนดีกว่า ในเมื่อการจัดทำบัตรประจำตัวประชาชน เป็นระบบที่จะต้องแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ จึงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า มีกระบวนการปลอมแปลงบัตรประชาชนโดยเจ้าหน้าที่

ท่านควรจัดการกับบุคลากรนอกรีตของตัวเองให้เด็ดขาดกว่านี้ ก่อนที่จะทุ่มสรรพกำลังไปจัดระเบียบสังคม






กำลังโหลดความคิดเห็น